‘ชอว์’ ยิงนาทีที่ 2 ‘อังกฤษ’ นำ ‘อิตาลี’ ครึ่งแรก 1-0
อังกฤษขึ้นนำอิตาลี ครึ่งแรก 1-0 ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม
อิตาลีไม่ได้แชมป์ยูโรมาแล้ว 53 ปี หลังจากทำได้เพียงครั้งเดียวในปี 1968 และทำสถิติไม่แพ้ใครมาแล้ว 33 เกมติดต่อกัน (ชนะ 27 เสมอ 6) ส่วนอังกฤษผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศยูโรได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
อังกฤษ : จอร์แดน พิกฟอร์ด, ไคล์ วอล์กเกอร์, ลุก ชอว์, ดีแคลน ไรซ์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, แฮร์รี่ เคน, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, คีแรน ทริปเปียร์, คาลวิน ฟิลลิปส์, เมสัน เมาท์
อิตาลี : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า, โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, จอร์โจ คิเอลลินี่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, นิโคโล่ บาเรลล่า, เอแมร์สัน, มาร์โก้ แวร์รัตติ, จอร์จินโญ่, เฟเดริโก้ เคียซ่า, ลอเรนโซ่ อินซินเญ่, ชิโร่ อิมโมบิเล่
ครึ่งแรก อังกฤษขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 2 จากจังหวะเปิดบอลจากกราบขวาของทริปเปียร์ ไปเข้าทางชอว์ที่วิ่งเข้ามายิงไม่เหลือ ถือเป็นประตูแรกในการเล่นให้ทีมชาติของชอว์ นอกจากนั้นยังเป็นประตูที่ทำได้เร็วที่สุดในรอบชิงชนะเลิศของยูโรทุกครั้งที่ผ่านมา
หลังจากนั้นเป็นสิงโตคำรามที่เปิดเกมบุกเร็ว และพาบอลขึ้นไปลุ้นประตูได้หลายครั้ง นาทีที่ 22 จอร์จินโญ่ มิดฟิลด์คนสำคัญของอิตาลีมีอาการเจ็บ ต้องออกไปปฐมพยาบาลข้างสนาม แต่กลับมาลงสนามต่อได้
นาทีที่ 35 เคียซ่าพาบอลลุยขึ้นไปถึงหน้าเขตโทษอังกฤษ แล้วซัดเต็มข้อ แต่บอลถากเสาออกไป 10 นาทีสุดท้าย อิตาลีเปิดเกมใส่หวังประตูตีเสมอ แต่ยังทำไม่ได้ หมดครึ่งแรก อังกฤษนำ 1-0
สถิติครึ่งแรก อิตาลีครองบอล 62 เปอร์เซ็นต์ อังกฤษครองบอล 38 เปอร์เซ็นต์
อิตาลียิงเข้ากรอบ 1 ครั้ง ไม่เข้ากรอบ 3 ครั้ง อังกฤษยิงเข้ากรอบครั้งเดียว