บนเส้นทางทีมชาติ ‘เอล แดงดา’ สู่บัลลังก์ดาวยิงสูงสุด ‘ซูซูกิ คัพ’
“เอล แดงดา” หรือ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ยอดศูนย์หน้าทีมชาติไทยวัย 33 ปี ขึ้นแท่นจารึกชื่ออยู่ในทำเนียบดาวยิงสูงสุดของรายการชิงแชมป์อาเซียน หรือ “ซูซูกิ คัพ” เป็นที่เรียบร้อย หลังกดคนเดียว 2 ประตูใส่ฟิลิปินส์ ในเกมล่าสุด เพิ่มเป็น 19 ประตูแซงหน้า นอร์ อลัม ชาห์ อดีตดาวยิงสิงคโปร์เจ้าของสถิติเก่า 17 ประตูได้สำเร็จ
หากย้อนกลับไปบนเส้นทางลูกหนังของ “เอล แดงดา” กว่าที่จะขึ้นแท่นมาเป็นยอดดาวยิงสูงสุดในอาเซียนได้เหมือนทุกวันนี้ ก็เรียกได้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะอยู่พอสมควร ตั้งแต่ก้าวขึ้นมาแจ้งเกิดให้กับ “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ในดิวิชั่น 2 แต่เจ้าตัวก็เป็นผู้เล่นคนสำคัญของกุนซือ โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ มีส่วนร่วมกับทีมในการคว้าแชมป์เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด
ด้วยฝีเท้าที่กำลังร้อนแรงเกินวัยทำให้เจ้าตัวได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตด้วยการถูกเรียกไปทดสอบฝีเท้ากับทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรชั้นนำในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ร่วมกับ สุรีย์ สุขะ และ เกียรติประวุฒิ สายแวว พร้อมได้รับการเซ็นสัญญาเข้าทีมเป็นระยะเวลา 3 ปี ในฤดูกาล 07/08 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่ได้ลงเล่นแม้แต่วินาทีเดียว จากปัญหาการขอใบอนุญาตทำงาน (เวิร์คเพอร์มิต) แม้จะถูกปล่อยไป กราสส์ ฮอปเปอร์ ซูริก ในสวิตเซอร์แลนด์ซูเปอร์ลีก ก็ไปไม่ถึงชุดใหญ่ สุดท้ายก็ต้องยกเลิกสัญญากลับมาเมืองไทย
แม้การออกไปผจญภัยในต่างแดนครั้งแรกของธีรศิลป์จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ได้ประสบการณ์กลับมา ก่อนจะระเบิดฟอร์มอีกครั้งกับเมืองทอง ยูไนเต็ด พาทีมคว้าแชมป์ไทยลีกได้ถึง 3 สมัยในปี 2009, 2010 และ 2012 และไปเข้าตาของ “ตราหมี” แอตเลติโก้ มาดริด ทีมดังจากสเปนที่เป็นพันธมิตรกับเมืองทองในเวลานั้น ดึงไปทดสอบฝีเท้า 1 เดือน แม้ฟอร์มจะเข้าตา แต่ก็ไม่สามารถเซ็นสัญญาได้เพราะโควต้านักเตะนอกสหภาพยุโรป (อียู)
อย่างไรก้ตามฟอร์มของมุ้ยก็ยังไปสะกิดแมวมองของอัลเมเรีย อีกระดับล่างของลาลีก้า สเปน ได้ขอยืมดาวยิงทีมชาติไทย ไปร่วมทีมเป็นเวลา 1 ฤดูกาล ซึ่งเจ้าตัวได้จารึกประวัติศาสตร์ลูกหนังไทยว่านี่คือแข้งไทยคนแรกที่ได้ลงเล่นในศึกลาลีก้า สเปน พร้อมกับผลงานลงสนาม 10 นัด ทำได้ 1 ประตูในเกมโกปา เดล เรย์ ด้วยการยิงใส่ เรอัล เบติส
หลังจบสัญญายืมตัว ธีรศิลป์ กลับมาอยู่กับเมืองทอง และอยู่ในชุดดรีมทีมที่รวมดาวดังระดับทีมชาติ ทวงแชมป์ลีกกลับคืนได้เมื่อปี 2016 โดยที่เจ้าตัวก็คงไม่คิดว่าจะต้องจากบ้านไปไกลอีกครั้ง เมื่อปี 2018 เขาได้รับข้อเสนอให้ไปเล่นกับ ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า ทีมดังในเจลีก ญี่ปุ่น ซึ่งสามารถพาทีมจบรองแชมป์เจลีก ด้วยผลงานลงเล่น 37 นัด แอสซิสต์ 3 และยิงไป 7 ประตู
ทว่าผลงานดังกล่าวยังไม่ดีพอให้เขาได้ไปต่อในเจลีก ต้องกลับมาเมืองทองอีก 1 ฤดูกาล ก่อนที่จะได้รับโอกาสจาก ชิมิสุ เอส-พัลส์ ซื้อตัวไปร่วมทีมด้วยสัญญา 2 ปี แต่ก็อยู่ได้แค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น ก็ถูกดึงมาอยู่ “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แล้วก็ช่วยทีมคว้าแชมป์ไทยลีกได้ทันที นับเป็นแชมป์ลีกสมัย 5 ของเจ้าตัวอีกด้วย และก็ยังเป็นตัวหลักของทีมอยู่ในฤดูกาล 2021/22 ที่กำลังฟาดแข้งอยู่
แม้ว่าผลงานระดับสโมสร ธีรศิลป์ จะต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน แต่ในส่วนของทีมชาติ ต้องบอกว่าธีรศิลป์ เป็นนักเตะไม่กี่คนที่ถูกเรียกตัวติดทีมชาติไทยทุกรุ่นทุกอายุ แถมยังติดชุดใหญ่ครั้งแรกด้วยอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น
ธีรศิลป์ผ่านการลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่มาอย่างโชกโชนทั้ง ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก, เอเชียนคัพ, เอเชี่ยนเกมส์, ซีเกมส์ รวมถึง เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ แต่ต้องบอกเลยว่าถ้วยชิงแชมป์อาเซียนคือถ้วยที่ถูกโฉลกกับตัวเขาอย่างมาก
มุ้ยมีโอกาสได้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการนี้ไปทั้งหมด 5 ครั้ง ในปี 2008, 2010, 2012, 2016 และปี 2020 รวมทั้งยังสามารถระเบิดฟอร์ม คว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดประจำรายการได้ถึง 3 ครั้ง โดยแบ่งเป็น 4 ประตู (ดาวซัลโวร่วม)ในปี 2008, 5 ประตู ในปี 2012 และ 6 ประตู ในปี 2016
จนในที่สุดในเกมกับฟิลิปปินส์ ธีรศิลป์ ก็สามารถยิงแซงสถิติดาวยิงสูงสุดของอาเซียน ที่นอห์ อลัม ชาห์ ตำนายดาวยิงเชาวสิงคโปร์ ที่ทำเอาไว้ 17 ประตูด้วยกัน
เอาจริงๆ ถ้าหากว่าเขาไม่พลาดซูซูกิ คัพ ในปี 2014 ที่ “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่ต้องการถ่ายเลือดใหม่ ขณะที่ปี 2018 เขาก็เล่นอยู่ในเจลีก ญี่ปุ่น ไม่สามารถมาร่วมทีมได้ ซึ่งเอาจริงๆ ถ้าหาก 2 หนดังกล่าวมาธีรศิลป์ได้มาเล่น สถิติเหล่านี้อาจจะโดนทำลายไปแล้วก็ได้
ซึ่งหากย้อนดูไปที่ตารางอันดับดาวซัลโวสูงสุดของ ซูซูกิ คัพ ตอนนี้ มีเพียง “กอล์ฟ” อดิศักดิ์ ไกรษร ดาวยิงเพื่อนร่วมชาติคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงค้าแข้งอยู่และดูใกล้เคียงที่จะขึ้นไปทาบสถิติกับมุ้ย ด้วยจำนวน 10 ประตู แต่ก็ยังดูห่างไกลกับมุ้ยอยู่พอสมควร
อย่างไรก็ตามสถิติ 19 ประตูของธีรศิลป์ จะไม่หยุดอยู่แค่เท่านี้ เพราะทีมช้างศึกผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ว่าสถิตินี้จะหยุดอยู่ที่กี่ประตู แต่ชื่อของ “ธีรศิลป์ แดงดา” จะได้รับการจารึกเป็นตำนานยอดดาวยิงสูงสุดของอาเซียนตลอดไป…
