‘โค้ชง้วน’ กับภารกิจกอบกู้ศักดิ์ศรีทัพ ‘เดอะ แรบบิท’

‘โค้ชง้วน’ กับภารกิจกอบกู้ศักดิ์ศรีทัพ ‘เดอะ แรบบิท’

 

 

 

เป็นที่แน่นอนแล้วว่าชื่อของ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ได้กลายเป็นอดีตกับทัพ “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แชมป์เก่าไทยลีก ซีซั่น 20/21 เป็นที่เรียบร้อย หลังโดนตะเพิดออกจากตำแหน่งกุนซือจากการกลับมาคุมทัพได้เพียง 5 นัดเท่านั้น

Advertisement

ไม่น่าเชื่อว่าทีมแกร่งจากย่านคลองสาม ที่อุดมไปด้วยแข้งระดับหัวกระทิในไทยลีก จะทำผลงานได้แบบกระท่อนกระแท่น ไม่เป็นชิ้นเป็นอันขนาดนี้

 

Advertisement

 

ผลงานของโค้ชโอ่ง กับการคำรบกลับมาในถิ่นลีโอ สเตเดียม รอบที่2 เรียกว่าแทบจะสะกดคำว่าชนะไม่เป็นเลยทีเดียว

เพราะแค่แมตช์เปิดหัวนัดแรก โค้ชโอ่งก็โดนรับน้องทันทีด้วยการบุกไปพ่ายให้กับ หนองบัวพิชญ เอฟซี 0-1, ตามด้วยบุกไปพลาดท่าให้กับการท่าเรือ เอฟซี อดีตทีมเก่าของตัวเอง 0-1, ต่อด้วยการบุกไปแบ่งแต้มกับ พีที ประจวบ เอฟซี แบบไร้สกอร์ 0-0

อีกทั้งบุกไปโดนราชบุรี มิตรผล ตามตีเสมอในช่วงท้ายเกมอีก 1-1 และสุดท้ายในนัดที่บุกไปแบ่งแต้มกับเมืองทอง ยูไนเต็ด 2-2

แม้จะยังดีที่พาทีมเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ในบอลถ้วย 2 รายการทั้งช้าง เอฟเอ คัพ ที่บุกไปเอาชนะเมืองเลย ยูไนเต็ด 2-0 และรีโว่ ลีก คัพ ที่บุกไปสอนเชิง สงขลา เอฟซี 4-1 แต่มันกลับไม่ดีพอที่จะทำให้โค้ชโอ้ง ที่เคยพาบีจี ปทุมฯ ประสบความสำเร็จถึงแชมป์ไทยลีก ได้ไปต่อกับทีมจนต้องโดนปลดในที่สุด

ส่วนผู้ที่ถูกแต่งตั้งเข้ามารับบทบาทกุนซือชั่วคราวแทนก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล นั่นคือ “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ อดีตแข้งมิดฟิลด์เชิงสูงทีมชาติไทย ที่มีดีกรีเป็นถึงโค้ชโปรไลเซนส์คนแรกของไทย ที่ทำงานอยู่เบื้องหลังให้กับทัพเดอะ แรบบิท มาอย่างยาวนาน

 

 

ซึ่งนี่จะเป็นการเข้ามานั่งเก้าอี้กุนซือให้กับ บีจี ปทุมฯ ของโค้ชง้วนเป็นครั้งที่ 4 หลังเคยมีโอกาสได้แสดงฝีไม้ลายมือร่วมกับทีมไปแล้วเมื่อฤดูกาล 2009-2010 พ่วงด้วยแชมป์ควีนส์คัพ 2010 ก่อนกลับมาร่วมงานกับทีมอีกครั้งในฤดูกาล 2012 และฤดูกาล 2017 ในฐานะกุนซือชั่วคราวของทีม

ซึ่งในระหว่างนั้นโค้ชง้วน มีโอกาสโยกไปคุมทัพ “นกใหญ่พิฆาต” ชัยนาท ฮอร์นบิล ลงเล่นในศึกลูกหนังโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2012, 2013 และ 2014

รวมทั้งยังเคยเป็นผู้ช่วยเฮดโค้ชให้กับทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในยุคของวินฟรีด เชเฟอร์ ก่อนถูกแต่งตั้งเข้าไปเป็นกุนซือรักษาการพาทัพ “ช้างศึก” ลงเล่นในถ้วยเอเชียน คัพ 2015 รอบคัดเลือกกลุ่มบี ในแมตช์ที่แพ้รวดทั้ง 3 นัดให้กับ อิหร่าน 1-2 (เยือน), อิหร่าน 0-3 (เหย้า) และคูเวต 1-3 (เหย้า)

 

 

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ของทัพเดอะ แรบบิท เรียกได้ว่าน่าตื่นเต้นสำหรับแฟนบอล และตัวโค้ชง้วนไม่น้อยเลยทีเดียว

ด้วยความที่คลุคลีกับสโมสรมาเป็นระยะเวลานาน หรือเรียกได้ว่ารู้ไส้รู้พุง รู้สไตล์ฟุตบอลของบีจี ปทุมฯ เป็นอย่างดี จะเป็นจุดแข็งที่ช่วยให้โค้ชง้วน ได้นำวิชาที่มีติดตัวมาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

แต่ก็มีโจทย์ใหญ่ที่โค้ชง้วน ต้องรีบแก้ไขคือเรื่องของจังหวะสุดท้าย และการปิดเกมให้เด็ดขาดกว่านี้ หากพวกเขายังมองถึงการเข้าไปขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ไทยลีกฤดูกาลนี้อยู่ ก็ต้องห้ามทำแต้มตกหล่นระหว่างทางง่ายๆ เหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว

 

 

แน่นอนว่าทัพเดอะ แรบบิท มีแนวรุกที่อันตรายแทบจะทุกตำแหน่งให้เลือกใช้สอย ไหนจะตัวผู้เล่นใหม่แกะกล่องอย่าง “ยิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ห้องเครื่องชุดแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ 2020 กับทีมชาติไทย และอิคซาน ฟานดี้ ศูนย์หน้าทีมชาติสิงคโปร์ ที่โค้ชง้วนจะต้องปรับจูน และใส่แท็คติกให้กับนักเตะได้เข้าใจในกลยุทธ์ให้มากขึ้นกว่านี้ เพื่อกลับมาอยู่ในจุดที่พวกเขาควรจะอยู่อีกครั้ง

หากมองย้อนกลับไปในเกมที่โค้ชง้วน เคยมีโอกาสได้แสดงฝีไม้ลายมือชั่วคราวแทน ออเลริโอ วิดมาร์ กุนซือของทีมเวลานั้นในศึกฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่เข้าไปดวลแข้งกับชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

 

 

ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนบอลไปไม่น้อย หลังพาทีมยื้อเสมอกับยอดทีมจากเกาหลีใต้ไปแบบสูสี 1-1 ก่อนที่จะมาพลาดท่าแพ้ในช่วงดวลจุดโทษไปแบบน่าเสียดาย 2-4

บทพิสูจน์ในการกอบกู้ศักดิ์ศรีบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ของ “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ในครั้งนี้ จะเป็นไปในทิศทางไหน กระต่ายแก้วตัวนี้จะกลับมาเป็นทีมที่เดินหน้าไล่ยิงประตูคู่แข่งแบบบ้าคลั่งได้เหมือนเดิมหรือไม่ ต้องรอติดตาม…

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image