เดือดแน่! เฟ้นปธ.อลป.ใครมีสิทธิโหวต สรุปกก.บริหาร 25 หรือ 37 แล้วผู้ทรงคุณวุฒิออกเสียงได้ไหม?
ความเคลื่อนไหวการเลือกตั้งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ที่จะมีขึ้นในวันอังคารที่ 25 มีนาคม ที่สำนักงานบ้านอัมพวัน เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป โดยมีผู้ที่ประกาศตัวลงชิงตำแหน่ง 2 ราย รายแรก นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ ส่วนอีกราย ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยฯ ขณะที่คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล สมาชิกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี เมมเบอร์) ชาวไทย และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ประกาศพร้อมรับตำแหน่งหากได้รับการเสนอชื่อและสนับสนุนจากสมาชิกของค่ายอัมพวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขั้นตอนกระบวนการเลือกตั้งในวันที่ 25 มีนาคม เป็นข้อถกเถียงกันมาตลอดว่า โหวตเตอร์ ที่จะมีสิทธิลงคะแนนประกอบด้วย ใครบ้างอย่างไร แม้จะมีธรรมนูญรองรับแต่การตีความของแต่ละฝ่ายไม่ตรงกัน ซึ่งจากการตรวจสอบธรรมนูญของคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ล่าสุดมีดังนี้
เริ่มจาก ช่วงเช้า ที่ประชุมจะดำเนินการเลือกประธานการเลือกตั้ง (หากมีการเสนอชื่อมากกว่า 1 คน ให้ยกมือโหวตเลือกประธานเพียงคนเดียว) จากนั้นประธานการเลือกตั้งจะแต่งตั้งกรรมการตรวจบัตรลงคะแนน และกรรมการนับคะแนน ตามจำนวนที่เห็นสมควร จากนั้นประธานการเลือกตั้ง จะแจ้งต่อที่ประชุมเพื่อให้ลงมติว่า จำนวนกรรมการบริหารชุดใหม่ สำหรับวาระปี 2568-2572 สมัชชาใหญ่ต้องการให้มีจำนวนกรรมการบริหารเท่าไหร่ โดยธรรมนูญข้อบังคับ ข้อ 6.4 กำหนดไว้ว่า มีจำนวน 25 คน (ธรรมนูญข้อบังคับ ข้อ 6.4 เขียนไว้ว่า ณ วันที่ธรรมนูญข้อบังคับฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ คณะกรรมการมีจำนวน 25 คน ( วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นวันที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ลงนามประกาศใช้เอาไว้)
แต่เนื่องจากข้อ 7.4.4 ของธรรมนูญข้อบังคับเขียนไว้อีกว่า จำนวนกรรมการในคณะกรรมการบริหารต้องไม่เกินจำนวนสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งข้อ 4.1.1 กำหนดจำนวนไว้ 37 คน นั่นก็ตีความได้ว่า คณะกรรมการบริหารคณะกรรมการบริหารโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ มีได้ขั้นต่ำ 25 และขั้นสูงสุด 37 คน ซึ่งจะมีจำนวนเท่าใดสำหรับวาระปี 2568-2572 เป็นอำนาจของสมัชชาใหญ่จะต้องลงมติกำหนดจำนวนให้ชัดเจนก่อนที่จะมีการโหวตเลือกคณะกรรมการบริหาร มิฉะนั้นจะมีปัญหา
ในภาคเช้าเมื่อได้คณะกรรมการบริหารตามจำนวนที่สมัชชาใหญ่กำหนด และทำการเลือกตั้งแล้ว ในภาคบ่ายจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารที่ได้รับการเลือกตั้งในภาคเช้า เพื่อทำการเลือกคณะผู้บริหาร 16 ตำแหน่ง ตามธรรมนูญข้อบังคับข้อ 6.7 ซึ่งได้แก่ ประธานโอลิมปิค 1 คน รองประธาน 8 คน เลขาธิการ 1 คน รองเลขาธิการ 4 คน เหรัญญิก 1 คน และผู้ช่วยเหรัญญิก 1 คน รวมคณะผู้บริหารที่จะต้องทำการเลือกตั้งในภาคบ่ายนี้จำนวน 16 คน
อย่างไรก็ตามภาคเช้า สมาชิกสมัชชาใหญ่ของคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ที่จะเข้าประชุม มีจำนวน 4 กลุ่ม รวม ทั้งหมด 49 คน ซึ่งประกอบด้วย สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่เป็นสมาชิกสามัญ 37 คน, ไอโอซีเมมเบอร์ 1 คน (คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล), ผู้แทนนักกีฬาโอลิมปิก 2 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ 10 คน แต่ปัจจุบันมี 9 คนเนื่องจากเสียชีวิต 1 คน ทั้งหมด 49 คนนี้ มีสิทธิ์ที่จะลงคะแนนได้ คนละ 1 คะแนน ในการดำเนินการเสนอชื่อกรรมการบริหาร ตามจำนวนที่ที่ประชุม ได้ตกลงร่วมกัน (หากมีการเสนอชื่อกรรมการบริหารมากกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ตอนต้น ให้ที่ประชุมทำการลงคะแนนลับเพื่อให้ครบตามจำนวนที่กำหนด)
สำหรับ 37 สมาคมกีฬาสมาชิกสามัญของคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียง ประกอบด้วย ขี่ม้าโปโล, ตะกร้อ, สกีและสโนว์บอร์ด, ปัญจกีฬา, รักบี้, ยิงปืน, มวยสากล, บาสเกตบอล, กอล์ฟ, ฮอกกี้น้ำแข็ง, ฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้ง, แฮนด์บอล, เทควันโด, เรือพาย, ไตรกีฬา, เบสบอล, ขี่ม้า, ซอฟท์บอล, ฟันดาบ, มวยปล้ำ, ยกน้ำหนัก, แข่งเรือใบ, จักรยาน, เทเบิลเทนนิส, ลอนเทนนิส, โบว์ลิ่ง, ว่ายน้ำ, ยิงเป้าบิน, ยูโด, ฮอกกี้, ยิมนาสติก, ฟุตบอล, วอลเลย์บอล, แบดมินตัน, กรีฑา, ยิงธนู และปีนหน้าผา