หลายสื่อต่างประเทศรายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจกลับมาทาบทามแอตเลติโก้ มาดริด เพื่อขอซื้ออ็องตวน กรีซมันน์ อีกครั้ง หลังการเจรจาซื้ออัลบาโร่ โมราต้า ศูนย์หน้าจากรีล มาดริด ไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
ก่อนหน้านี้ “ปีศาจแดง” ภายใต้การคุมทัพของโจเซ่ มูรินโญ่ ที่สามารถพาทีมกลับไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปรายการใหญ่สุด ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสุดท้ายที่กรีซมันน์ต้องการเล่นให้ทีมที่ได้สิทธิเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
แต่การที่ทีม “ตราหมี” ต้นสังกัดกรีซมันน์อุทธรณ์โทษแบนที่ถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ลงโทษแบนห้ามลงทะเบียนผู้เล่นใหม่ 2 ช่วงตลาดซื้อขายกลางฤดูกาล 2016-17 และปิดฤดูกาลดังกล่าว เพื่อลงเล่นในการแข่งขันภายใต้การควบคุมของฟีฟ่า ต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลก (ซีเอเอส) ไม่สำเร็จ
ส่งผลให้แอตฯ มาดริด ไม่สามารถหาแนวรุกคนใหม่มาแทนกรีซมันน์ จึงมีสิทธิที่ทีมจะไม่ขายดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส วัย 26 ปีรายนี้ให้แมนฯ ยูไนเต็ด แถมตัวนักเตะก็ยอมรับแล้วว่า การย้ายทีมช่วงนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เพราะต้นสังกัดกำลังลำบากอยู่
ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ล้มเลิกความคิดดังกล่าว และหันไปซื้อโมราต้าจากทีม “ราชันชุดขาว” แต่รีล มาดริด ที่ต้องการดาบิด เด เคอา นายทวารปีศาจแดงมาตลอดอยู่แล้ว ต้องการให้เด เคอา เป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขายครั้งนี้ ซึ่งแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ต้องการขายมือหนึ่งทีมชาติสเปนออกไป ได้ยื่นข้อเสนอที่เป็นเงินซื้อตัวเฉพาะโมราต้าเพียงอย่างเดียวให้อีกฝ่ายพิจารณา 52 ล้านปอนด์ (2,288 ล้านบาท / อัตรา 1 ปอนด์ 44 บาท) แต่โดนปฏิเสธกลับมา จึงทำให้การเจรจาไม่คืบหน้า
ส่วนอีกหนึ่งทางเลือกอย่างอันเดรีย เบล็อตติ หัวหอกโตริโน่ ที่โชว์ฟอร์มถล่มประตูได้อย่างร้อนแรงในฤดูกาลที่ผ่านมา จนเป็นดาวซัลโวอันดับ 3 ศึกกัลโช่เซเรียอา อิตาลี 26 ประตู เป็นรองแค่ดรีส เมอร์เทนส์ อันดับ 2 จากนาโปลี 2 ประตู และอันดับ 1 เอดิน เชโก้ จากโรม่า 3 ประตู ก็มีค่าฉีกสัญญาเท่ากรีซมันน์ที่ 100 ล้านยูโร ( 3,800 ล้านบาท / อัตรา 1 ยูโร 38 บาท)
ดังนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนใจกลับมาทามทาบกรีซมันน์อีกครั้ง
