จากการที่มาเลเซีย เจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ในเดือนสิงหาคม ได้เปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันกอล์ฟประเภททีมชายและทีมหญิง จากสโตรกเพลย์ เป็นแมตช์เพลย์นั้น
“โปรอาร์ม” กิรเดช อภิบาลรัตน์ ซึ่งเป็นอดีตนักกอล์ฟทีมชาติไทย เจ้าของ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2549 กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สำหรับความได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องการเพิ่มการแข่งขันแมตช์เพลย์เข้ามาในั้น มองว่าไม่ได้มีความแตกต่างไปจากเดิมเลย และเชื่อมั่นว่าทีมกอล์ฟของไทยมีความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นฟอร์แมตการแข่งขันแบบไหน อีกอย่างในการแข่งขันแมตช์เพลย์แล้ว ส่วนใหญ่มันก็เป็นเกมที่มักจะเล่นกันเป็นประจำอยู่แล้ว และน่าจะเป็นอะไรที่นักกีฬาทุกคนคุ้นเคย เพราะในการออกรอบก็จะมีการเล่นแบบนี้อยู่เสมอๆ โดยส่วนตัวเชื่อมั่นว่าในรูปแบบนี้เราน่าจะได้เปรียบมากกว่าการแข่งแบบสโตรกเพลย์เสียด้วยซ้ำ มั่นใจว่าซีเกมส์หนนี้ไทยจะกวาดเหรียญทองทั้งหมดอีกครั้ง
ทั้งนี้ กอล์ฟประเภททีมจะแข่งแบบแมตช์เพลย์ 3 คน ในประเภทชาย และ 2 คนในประเภทหญิง โดยอันดับของทีมจะขึ้นจากแต้มรวมที่ดีที่สุด 3 คนของประเภทชาย และ 2 คนที่ดีที่สุดในประเภทหญิง จากการแข่งบุคคล โดย 8 ทีมที่ดีที่สุดจะได้ผ่านไปแข่งประเภททีม ชนะในแต่ละแมตช์จะได้ 1 แต้ม เสมอแบ่งคนละครึ่งแต้ม แพ้ไม่มีแต้ม
“ผมมั่นใจว่าซีเกมส์หนนี้เราคงจะกวาดเหรียญทองทั้งหมดอีกครั้ง และขอเป็นกำลังใจให้กับน้องๆ ทุกคนให้ทำผลงานให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องทีมงานและทางสมาคม มั่นใจว่าเรามีความพร้อมเต็มที่ ขอให้น้องๆ ทุกคนมุ่งมั่นที่จะทำผลงานของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้น” โปรอาร์มกล่าวเสริม
สำหรับนักกีฬาชุดนี้ นักกีฬาชาย 4 คนประกอบไปด้วย “จิ๋ว” กัมลาศ นาเมืองรักษ์, “ซูม” วิชยานนท์ โชติหิรัญรุ่งเรือง, “เพชร” สดมภ์ แก้วกาญจนา และ “เกะ” โคสุเกะ ฮามาโมโต้ นักกอล์ฟหญิง 3 คนประกอบไปด้วย “จีน” อาฒยา ฐิติกุล, “อ๋อม” ฐิตาภา ภักดีเศรษฐกุล และ “มีน” มนัสยา ซีมากร ชิงชัยทั้งสิ้น 4 เหรียญทอง การแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ชายและหญิง โดยจะแข่งบุคคลและทีม โดยการแข่งขันสโตรกเพลย์สำหรับประเภทบุคคล และแข่งแบบแมตช์เพลย์ในประเภททีม ที่สนามเดอะ ไมน์ส รีสอร์ต แอนด์ กอล์ฟ คลับ, เซรี เคมบันกัน, คิมบากัน, สลังงอร์ โดยบุคคลจะแข่ง 3 รอบในแบบพาร์ 71
