โจเซ่ มูรินโญ่ กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำสงครามประสาทกับอันโตนิโอ คอนเต้ ผู้จัดการทีมเชลซีผ่านสื่อโดยเพิ่มดีกรีความดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
โดยกรณีพิพาทหนล่าสุดเริ่มจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มูรินโญ่ให้สัมภาษณ์เชิงกระทบกระเทียบว่า สมัยนี้ตนรู้จักควบคุมอารมณ์ ไม่ได้มีพฤติกรรมหรือแสดงออกเหมือนตัวตลกที่ข้างสนาม ซึ่งสื่อและแฟนๆ เชื่อว่าคำว่า “ตัวตลก” นั้นน่าจะสื่อถึงคอนเต้กับเจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล เพราะทั้งคู่ชอบแสดงออกถึงอารมณ์ร่วมกับเกมอย่างชัดเจนเวลาคุมทีม
พอวันต่อมา คอนเต้ก็ให้สัมภาษณ์ตอบโต้ว่า มูรินโญ่พูดอย่างนั้นคงเป็นโรคสมองเสื่อมแบบคนแก่ เพราะลืมไปว่าสมัยก่อนตัวเขาเองก็เคยทำแบบนี้เหมือนกัน
ล่าสุด หลังจบเกมเอฟเอคัพรอบสามซึ่งปีศาจแดงคว้าชัยเหนือดาร์บี้ เคาน์ตี้ 2-0 ด้วยประตูจากเจสซี่ ลินการ์ด นาที 84 และโรเมลู ลูกากู นาที 90 เมื่อวันที่ 6 มกราคม มูรินโญ่ก็ออกมาเติมเชื้อไฟอีกครั้ง
คราวนี้ กุนซือชาวโปรตุกีสกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนให้สัมภาษณ์เรื่องการมีอารมณ์ร่วมกับเกม ก็ตอบไปตามที่คิด แต่สื่อกลับเอาไปตีความว่าตนกล่าวหาคอนเต้ว่าทำตัวเหมือนตัวตลกซะอย่างนั้น คงเพราะสื่ออยากพูดอย่างนั้นเองแต่ไม่กล้าเลยเอามาแต่งเติมเองว่าตนเป็นคนพูด ซึ่งเรื่องนี้ไม่คิดโทษคอนเต้และเข้าใจในปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม มูรินโญ่กล่าวต่อว่า ในอดีตตนอาจจะเคยทำผิดพลาดเวลาคุมทีมข้างสนามไปบ้าง และน่าจะแสดงออกแบบดุเดือดน้อยลง แต่อย่างหนึ่งที่อยากบอกคือ ตนจะไม่มีวันโดนลงโทษแบนเพราะปัญหาล้มบอลอย่างเด็ดขาด ซึ่งพอนักข่าวบอกว่าคอนเต้เคยโดนลงโทษลักษณะนี้มาก่อน มูรินโญ่ก็ตอบสั้นๆ ว่า “จริงเหรอ? แต่ผมไม่โดนนะ”
ทั้งนี้ สื่อเชื่อว่าที่จู่ๆ มูรินโญ่ก็หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพูดแบบไม่มีที่มาที่ไปก็เพื่อจะแขวะคอนเต้กรณีโดนลงโทษแบน 4 เดือนเมื่อปี 2012 สมัยคุมทีมเซียน่าในกัลโช่ เซเรียบี 1 ปีก่อนหน้านั้น เพราะไม่ยอมแจ้งข้อมูลเรื่องการล้มบอล ซึ่งคอนเต้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และในเวลาต่อมาศาลอิตาลีก็ตัดสินให้เขาพ้นมลทิน
