ความคืบหน้าการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ของประเทศไทย หลังจากรัฐบาล เจรจากับภาคเอกชน 7 แห่งเพื่อลงขันเจ้าละ 200 ล้านบาทในการดำเนินการ ประกอบด้วย
1. บริษัท คิงพาวเวอร์ 2. บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) 3. กลุ่มบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร 4. บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (บีทีเอส) 5. บริษัท บางจาก จำกัด (มหาชน) 6. บริษัท กัลฟ์ อิเลคทริก จำกัด (มหาชน) หรือ “กัลฟ์” และ 7.บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จํากัด (มหาชน) หรือ “เอไอเอส” โดยมอบหมายให้ “คิงเพาเวอร์” เป็นหัวหอก ดำเนินการเจรจากับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า หลังจากคิงเพาเวอร์ ไปเจรจากับฟีฟ่ามาระยะหนึ่งแล้วนั้น ขั้นตอนยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการซื้อ-ขายลิขสิทธิ์ได้เนื่องจากฟีฟ่า ระบุว่า เนื่องจากคิงเพาเวอร์ไม่ได้มีสถานีโทรทัศน์ช่องของตัวเองเพื่อรองรับการถ่ายทอดสดจึงทำให้การเจรจายังไม่บรรลุ
อย่างไรก็ตามหลังจากติดขัดเงื่อนไขดังกล่าวฝ่ายไทยกำลังพยายามแก้ไขปัญหา โดยได้ส่งตัวแทนสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งเพื่อไปดำเนินการแทนแล้ว โดยคาดว่าช่วงต้นเดือนเมษายน 2561 ทุกอย่างจะเรียบร้อย และประเทศไทยจะได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 อย่างแน่นอน
“ผมขอยืนยันว่าคนไทยต้องได้ดูถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกอย่างแน่นอน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แค่ติดขัดขั้นตอนการเซ็นสัญญากับฟีฟ่าเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเราก็แก้ไขแล้ว” ผู้ว่าการ กกท.กล่าว
