‘น่านเกมส์’ มหกรรมเพิ่มมูลค่า ‘โลว์ซีซั่น’

จบลงไปแล้วสำหรับการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ 34 “น่านเกมส์” แต่สิ่งที่เหลือไว้คือความมั่งคั่งของเหล่าพ่อค้าแม่ขาย ที่ยังคงรอคอยการเป็นเจ้าภาพของ จ .น่าน อีกครั้งต่อไป

มีการประเมินว่าเศรษฐกิจของ จ.น่าน ในช่วงการแข่งขันน่านเกมส์ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม ไปจนถึงวันที่ 30 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่นักกีฬา เจ้าหน้าที่ กองเชียร์กว่า 20,000 คน มาใช้ชีวิตอยู่นั้น มีเงินสะพัดถึง 700 ล้านบาทเลยทีเดียว


อภิญญา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์สมาคมกีฬาจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโดยรวมมีความคึกคักมาก ทั้งๆ ที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยว จ.น่าน ซึ่งรายได้และจำนวนของคนที่เข้ามามากพอๆ กับช่วงไฮซีซั่นเลยทีเดียว จากการประเมินคร่าวๆ น่าจะมีเงินสะพัดอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท จริงๆ แล้วอาจจะมากกว่านี้ แต่หลายกีฬาถูกแบ่งออกไปแข่งตามจังหวัดต่างๆ


จากการพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าได้รับกำไรเป็นกอบเป็นกำ รายได้หลักของจังหวัดนี้มาจากการท่องเที่ยวหน้าไฮซีซั่น หรือหน้าหนาว แต่ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้แล้ว ถือว่าเงียบมากในเวลาปกติ

Advertisement

ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ ถนนคนเดิน บริเวณถนนผากองด้านข้างวัดภูมินทร์ จะมีลานข่วงเมืองน่านขนาดใหญ่ ปกติจะคาขายกันในวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ แต่ในช่วงที่มีการแข่งขันน่านเกมส์ ถนนคนเดินแห่งนี้มีของขายยาวทุกวัน


สมจิตร ศรีภา เจ้าของร้านซาลาเปาบริเวณถนนคนเดิน กล่าวว่า ในวันปกติเสาร์-อาทิตย์ จะเงียบมาก ในช่วงของการแข่งขันกีฬา ทำให้ค้าขายดีขึ้นพอสมควร ในวันแรกของกีฬามีรายได้ถึง 6,300 บาท ปกติรายได้แต่วันเพียงแค่ 1,000 บาท อยากจะให้มีกีฬามาแข่งเรื่อย ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าจะมีกีฬาผู้สูงอายุแข่งขันต่อ แต่คิดว่าคงจะมีรายได้เพิ่มอีกแน่นอน เพราะกำลังในการซื้อของผู้สูงอายุนั้นจะสูงกว่าเยาวชนเลยทีเดียว

มาลี เทียนรุ่งรัศมี เจ้าของร้านธิดาผ้าฝ้าย กล่าวว่า ตั้งแต่มีกีฬาเยาวชน ทำให้การค้าขายบริเวณถนนคนเดินดีขึ้นมาก จากวันแรกมีร้านขายผ้าฝ้ายเพียงไม่กี่ร้าน พอข่าวกระจายว่ามีกีฬาและขายดีทำให้ พ่อค้าแม่ค้าผ้าฝ้ายแห่กันมาจองพื้นที่เพิ่มหลายร้านทีเดียว

Advertisement


ตลอด 10 วันของการแข่งขันกีฬา สามารถสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก แต่สำหรับร้านที่อยู่ไกลจากการแข่งขันกีฬา อาจจะไม่มีผลมากนัก

เสกสรรค์ คันทะมูล เจ้าของธุรกิจร้านลาบแหล่มเล่าว่า หากเทียบกันแล้วสู้ช่วงไฮซีซั่นไม่ได้ เพราะนักกีฬากำลังในการซื้อพวกเขาค่อนข้างน้อย หากเทียบกับนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเที่ยวเลยแน่นอน เขามีกำลังในการซื้อที่สูง ถามว่าดีขึ้นไหม ดีขึ้นพอประมาณ ในช่วงเย็นก็เปิดขายข้าวเหนียวมะม่วง ก็ถือว่าขายได้พอสมควร เพราะเป็นช่วงที่ทั้งนักกีฬาและนักท่องเที่ยวต่างมาจับจ่ายซื้อกันเป็นจำนวนมาก

โสพิศ ส่องสี เจ้าของร้านกาแฟโบราณตุ้ยกล่าวว่า การค้าขายไม่ดีเท่าที่ควร เพราะว่าปกติมีลูกค้าประจำมาซื้ออยู่แล้ว และร้านตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณที่พักของนักกีฬามวยด้วย ทำให้นักกีฬาไม่กล้าซื้อกิน เพราะอาจจะโดนตรวจโด๊ปได้

อีกสิ่งหนึ่งที่ตามมากับยความคึกคัก คือ อาชญากรรม เพราะน่านเป็นจังหวัดที่มีอาชญากรรมน้อยมากๆ แต่ในช่วงนี้มีคนนอกจังหวัดเข้ามากันเยอะ ทำให้เกิดการลักขโมยอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่มีเรื่องราวบานปลายใหญ่โต
นี่คือฤทธิ์เดชของกีฬาที่ถูกจับมาโยงกับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจอย่างแยกไม่ออก หลายจังหวัดเล็กๆ พยายามเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพกีฬาระดับชาติกันถ้วนหน้า ไม่ใช่แค่การแสดงศักยภาพและอวดของดีที่คนในพื้นที่อื่นยังไม่รู้จักนัก

แต่มันหมายถึงการเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้เม็ดเงินไหลเข้ามาหมุนเวียนในบ้านตัวเอง อย่างที่น่านเกมส์ทำให้เห็นมาแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image