พลิกโฉม ‘เวทีลุมพินี’ ทบ.ลุยล้างพนัน พิสูจน์วงการมวย

กลายเป็นประเด็นร้อนเขย่าวงการมวยไทยในช่วงตลอดเดือนที่ผ่านมา เมื่อกองทัพบกซึ่งเป็นเจ้าของเวทีมวยมาตรฐานลุมพินีมีแผนปฏิบัติการ “เวทีมวยมาตรฐานลุมพินี” มี 2 ระลอกล่าสุด…

เรื่องดังกล่าวคนวงการมวยไทยสนใจอย่างมากเพราะเวทีมวยลุมพินีเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของมวยไทยมายาวนาน ทั้งในแง่ของการสืบสานอนุรักษ์มวยไทย และในแง่ของสถานที่การเล่นพนันมวยถูกต้องตามกฎหมาย

ระลอกแรก “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศนโยบายปฏิรูปล้างพนันในค่ายทหาร ทั้งสนามม้า สนามมวย สั่งยกเลิก 2 สนามมวยไทย ค่ายอดิศร จ.สระบุรี และค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา รวมถึงปิดสนามม้าค่ายสุรนารี โคราช ยกเลิกแข่งม้า รวมไปถึงสนามกอล์ฟของกองทัพบกทั้งหมดให้เป็นธุรกิจเชิงพาณิชย์ เอกชนเข้ามาดำเนินการ และส่งรายได้เข้ากรมธนารักษ์

เหตุผลสำคัญคือต้องการกวาดล้างการพนัน และกลุ่มมาเฟีย โดยวางแผนจะพัฒนาให้เป็นศูนย์พัฒนากีฬาที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน เช่น สวนสาธารณะใช้เป็นที่ออกกำลังกาย

Advertisement

“บิ๊กติ่ง” พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก ขยายความว่า กรอบของแผนการปฏิรูปกองทัพบกในระยะ 3 ปี เพื่อปรับแนวทางให้เป็นกองทัพที่ทันสมัยตอบโจทย์ภัยคุกคามและตอบสนองนโยบายรัฐบาล ตั้งแต่ห้วงวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันายน 2566 โดยในปี 2564 มุ่งจัดระเบียบกำหนดแผนงานให้ชัดเจน จากนั้นปี 2565 มุ่งเน้นตามแผนงาน และหลักการเพื่อปฏิรูปกองทัพในทุกมิติ และปี 2566 นำผลการปฏิบัติสู่การปรับปรุงแก้ไข “บิ๊กบี้” ไม่ต้องการให้ทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนันและกลุ่มมาเฟียอีกต่อไป

ทันทีที่มีประกาศออกมา คนวงการมวยไทยต่างเสียขวัญอย่างมากเพราะเวทีมวยลุมพินี เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่คนวงการมวยใช้ทำมาหากินเลี้ยงปาก เลี้ยงท้องทั้งของตัวเอง และครอบครัว มาอย่างยาวนาน

แรงกระเพื่อมดังกล่าวคนวงการมวยไทยต่างออกมาค้าน หวังเปลี่ยนใจไม่ให้ “ยุบ” เวทีมวยลุมพินี

Advertisement

ไม่นานนัก กองทัพบกออกมาชี้แจงว่า กองทัพบกจะไม่ “ยุบ” สนามมวยลุมพินี แต่จะมีแผนพัฒนายกระดับเวทีมวยลุมพินีเพื่อให้บริการแก่ประชาชนอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงจะเดินหน้ากวาดล้างเรื่องการพนันอย่างเต็มตัว

จึงเป็นที่มาของการประกาศระลอกที่ 2 ของกองทัพบก ที่ประกาศรีแบรนด์ “สนามมวยลุมพินี” ไม่ขายตั๋วให้คนไทยเข้าชม แต่จะขายให้เฉพาะชาวต่างชาติ

ผบ.ทบ.มีแนวคิดว่า ให้เปลี่ยนชื่อสนามมวยลุมพินีเป็น “มวยไทยลุมพินี” เพื่อเป็นการอนุรักษ์ไว้ ขณะเดียวกันต้องตามวัตถุประสงค์การส่งเสริมกีฬามวยไทยและรักษาวัฒนธรรมไว้ จะไม่ให้มีการขายตั๋ว ไม่ให้มีกิจกรรมเชิงอบายมุข และใช้วิธีถ่ายทอดสด ตามมาตรการของ ศบค. โดยในอนาคตหลังจบสถานการณ์โควิด-19 จะเปิดขายบัตรให้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และให้เรียนรู้ศิลปะมวยไทย

หากกองทัพบกเดินหน้าจนเป็นรูปธรรมได้จริง สังคมมวยลุมพินีจะไม่มีการพนัน

ทั้งนี้ การพนันมวย วงเงินพนันเฉลี่ยต่อนัดจะมากน้อยจะขึ้นอยู่กับรายการมวยว่าจัดสูสีมากน้อยแค่ไหน โปรโมเตอร์ผู้จัดน่าเชื่อถือเพียงใด เช่น ศึกมวยไทยนัดใหญ่ จะเล่นพนันแบบได้เสียคู่ละเป็นล้านบาท และคู่มวยที่ชกระดับไหน เป็นต้น

ส่วนสนามมวยต่างจังหวัดเล่นพนันเฉลี่ยต่อรายการ 300,000-1,200,000 บาท คนเข้าสนามมวยจะมาเล่นการพนันในสัดส่วน 90:10 คือเล่นพนัน 90% ไม่เล่น 10% และเล่นพนันมวย 5 ยก เซียนมวยและนักการพนันมักจะเป็นกลุ่มเดียวกันทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค มีพฤติกรรมเดินสายเพื่อเล่น การพนันในสนามมวย และสนามม้า

ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ประเมินไว้ว่า วงเงินการพนันมวยไทยมีมูลค่าประมาณ 14,420 ล้านบาท เมื่อปี 2558 งานวิจิยยังระบุว่า การพนันมวยไทยถูกกฎหมาย จากการประเมินของผู้วิจัย ด้วยเหตุผลและเงื่อนไขข้างต้น วงเงินการพนันมวยไทยในส่วนนี้ จะมีมูลค่าประมาณ 13,152-14,448 ล้านบาทต่อปี

สำหรับประเด็นขายตั๋วให้เฉพาะชาวต่างชาติ ปรากฏว่าบรรดาเซียนมวยต่างไม่เห็นด้วย

นายสมศักดิ์ แสนยากร อายุ 73 ปี ผู้คร่ำหวดวงการมวยไทยกล่าวว่า ยอมรับว่ารู้สึกใจหาย เพราะชีวิตค่อนชีวิตอยู่กับมวย มีชื่อเสียงก็จากมวย

“ผมมองว่าคนที่เข้ามาบริหารจัดการอาจจะยังไม่เข้าใจ อยากฝากวิงวอนกองทัพบกอยากให้มีมุมมองกับวงการมวยใหม่ อยากให้มองรอบๆ ด้าน” นายสมศักดิ์กล่าว

“มิตร นคร” นายสุเมธ ซื่อสัตตบงกช โปรโมเตอร์ศึกวันมิตรชัย เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วย เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การที่จะไปเน้นให้ชาวต่างชาติเข้ามาชมมวยในสนามได้ แล้วไม่ให้คนไทยเข้าไปชม เวลาที่ชาวมวยเข้ามาในสนามมีทั้งเข้ามาชมเพื่อความบันเทิง เข้ามาพูดคุยธุรกิจ ไม่ได้เข้ามาเพื่อเล่นการพนันอย่างเดียว เวทีมวยก็เป็นเวทีที่สร้างอาชีพให้กับนักมวย บางคนชกมวยเพื่อเลี้ยงชีพ บางคนชกมวยเพื่อส่งตัวเองเรียนหนังสือ การไปห้ามคนไทยเข้าดูที่สนาม ในอนาคตจะทำให้นักมวยลำบากเพราะไม่มีรายได้ โปรโมเตอร์จัดมวยก็ขาดรายได้ จะหารายได้จากชาวต่างชาติอย่างเดียวก็คงไม่พอ แล้วจะหาเงินจากไหนมาจ้างนักมวย ควรให้มีแฟนมวยชาวไทยเข้าชมต่อไป เพื่ออนุรักษ์มวยไทยไว้

นายหัวมิตรกล่าวต่อว่า นโยบายนี้ไม่ทำให้รุ่นลูก รุ่นหลานสนใจเรื่องมวย เท่ากับตัดความฝันนักมวยรุ่นใหม่ เพราะไม่มีเวทีชกจะทำให้อาชีพนักมวยค่อยๆ หายไป ตอนนี้คนในวงการมวยส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้

นโยบายไม่ขายตั๋วให้คนไทย ขายตั๋วให้เฉพาะชาวต่างชาติกำลังมีการวิพากษ์วิจารณ์

ต้องดูก้าวต่อไปว่านโยบายดังกล่าวจะประสบความสำเร็จหรือไม่

เรื่องนี้คนในวงการมวยไทยกำลังสนใจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image