เปิดใจ ลุงอ๊อด-สมทรง เบื้องหลังวงปี่กลอง คู่เวทีมวยราชดำเนินกว่า 30 ปี

เปิดใจ ลุงอ๊อด-สมทรง เบื้องหลังวงปี่กลอง คู่เวทีมวยราชดำเนินกว่า 30 ปี

“ลุงอ๊อด” สมทรง ไตรวาสน์ หัวหน้าคณะวงปี่กลองคู่บุญผู้อยู่คู่เวทีมวยราชดำเนินมากว่า 30 ปี ประทับใจพัฒนาการของ “บ้านมวยไทย” รวมถึงให้ความสำคัญของคณะดนตรีซึ่งทำหน้าที่ทุกวันที่มีการชก ชี้วงปี่มวยไทยคือ องค์ประกอบสำคัญของมวยไทยที่แท้จริง

“แบงค์” เธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส จำกัด (GSV) ประธานรายการ RWS – Rajadamnern World Series และกรรมการบริหารเวทีมวยราชดำเนิน กล่าวว่า ในปัจจุบันเวทีมวยราชดำเนินถือเป็นสนามมวยที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดในโลกและได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 80 ปีของการก่อตั้งและได้มีการยกระดับมาตรฐานในทุกภาคส่วน โดยปัจจุบันมีการจัดชกมวยกันทุกวันเฉลี่ยถึงปีละ 360 วันสร้างระบบนิเวศน์นักมวยกว่า 5000 คนต่อปี และยังมีรายการที่หลากหลายทั้ง 5 ยก 3 ยก มีการสร้าง RAJADAMNERN STADIUM CHAMPIONSHIP SUPER FIGHT ที่มีโบนัสไม่รวมค่าตัวกว่า 1 ล้านบาท

รวมถึงการสร้างมิติใหม่ด้วย Immersive Muay Thai หรือการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงบนทุกตารางนิ้วของโดมคอนกรีตที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย และอีกสิ่งหนึ่งที่ให้ความสำคัญก็คือวงปี่กลองของมวยไทยที่มีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างมากในการโชว์ทั้งดนตรีอันแพรวพราวและการแต่งกายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่แฟนมวยจากทั่วโลกให้ความสนใจอย่างมาก

ขณะที่ “ลุงอ๊อด” สมทรง ไตรวาสน์ วัย 79 ปีคือ หัวหน้าคณะวงปี่กลองเวทีมวยราชดำเนินทำงานอยู่ในวงปี่กลองของ “บ้านของมวยไทย” มานานกว่าสามสิบปีเข้าไปแล้วและได้เป็นหัวหน้าคณะของวงปี่กลองของเวทีมวยราชดำเนินมานานกว่าสิบปี โดยปัจจุบันสมาชิกในวงมีรวม 5 คนด้วยกัน แบ่งเป็น “ลุงอ๊อด” สมทรง ทำหน้าที่ตีกลองร่วมกับ บวร ไตรย์วาส ผู้เป็นหลานชาย และ “ทิม” นพพลน์ น้อยเศรษฐี (ปี่) นอกจากนั้นก็มี นฤดล เอี่ยมสะอาด (ฉิ่ง) และ พรเทพ เชยนิ่ม (เปิง)

ADVERTISMENT

“จริงๆ แต่เดิมสมาชิกของวงปี่กลองกำหนดไว้แค่ 5 คนอาจเป็นกลองสอง ปี่สอง ฉิ่งหนึ่ง ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เวทีมวยราชดำเนินได้ให้ความสำคัญกับวงปี่กลองมากขึ้น เพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสกับดนตรีไทยอย่างลึกซึ้งและใกล้ชิดยิ่งขึ้น จึงเพิ่มนักดนตรีทำหน้าที่เล่นเปิงมาอีกคนหนึ่งเพื่อสร้างความสนุกและตื่นเต้นให้ผู้รับชม และมีชุดประจำวงสร้างเอกลักษณ์ให้กับสมาชิกทุกคน และเสริมมนต์ขลังเวลาบรรเลงใส่ทุกวัน”

ลุงอ๊อด-สมทรง ในฐานะหัวหน้าคณะปี่กลองของเวทีมวยราชดำเนินระบุว่า ในปัจจุบันก็มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของมวยไทยที่ขึ้นมาชกได้ชัดเจนขึ้นและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น อย่างนักมวยชก 5 ยกอาจมีการชกแบบดูเชิงกันในสองยกแรก แต่พวกมวย 3 ยกที่เพิ่มเข้ามาในตอนหลังก็จะชกกันดุดันตั้งแต่ยกแรก ซึ่งถูกใจแฟนมวยต่างชาติค่อนข้างมาก แล้วพอมวยชกกันดุเดือด ดนตรีก็ต้องช่วยกระทุ้งกระแทกเพิ่มความเร้าใจไปด้วย หรืออย่างกรรมการเขาก็จะฟังเสียงปี่กลองตามไปด้วยเหมือนกันเพื่อช่วยในการทำงาน พูดได้ว่าวงปี่กลองกับการชกมวยต้องสนุกไปด้วยกัน

“สำหรับคนที่มาทำหน้าที่ในวงปี่กลองของเวทีมวยราชดำเนินนั้นถึงผมจะแข็งแรงและยืนพื้นเป็นหลัก แต่ก็มีเด็กใหม่ๆ ที่เสริมเข้ามาด้วยตลอดเวลา อย่างทิมที่ผมดึงเขาเข้ามาทำหน้าที่นี่ก็ 7-8 ปีแล้ว เขาเคยเล่นอยู่ในวงดนตรีฟองน้ำ ตอนนี้ก็มีหลานชายผมอยู่ในวงอีกคน แต่ลูกๆ ผมเขาไม่ชอบทางนี้ก็เลยไปทำงานด้านอื่น แต่โดยรวมแล้วก็มีนักดนตรีใหม่ๆ วนเวียนอยู่ในวงการนี้อยู่เรื่อยๆ นั่นแหละ แล้วรายได้ตอนนี้ก็ถือว่าดีกว่าแต่ก่อนเพราะมวยชกกันทุกวัน เด็กรุ่นใหม่มาทำงานที่นี่ก็พอเลี้ยงตัวได้”

“ลุงอ๊อด” ยังคงทำงานทุกวันแม้จะอายุมากแล้วแต่สุขภาพยังแข็งแรง เดินจากบ้านละแวกวิสุทธิ์กษัตริย์มาที่เวทีมวยราชดำเนิน พอเลิกงานก็เดินกลับบ้าน โดยปกติถ้ามวยชกสักทุ่มหนึ่งก็จะเดินทางมาถึงสนามมวยราวสี่โมงเศษถึงห้าโมง ส่วนการเลิกงานก็ขึ้นอยู่กับว่ารายการนั้นมีนักมวยน็อกกันเร็วหรือเปล่า ถ้าน็อกเร็วก็จะได้กลับเร็ว

“ผมเองก็ไม่ค่อยป่วยหรอก มาเกือบทุกวัน แต่ถ้ามีธุระไปไหนก็จะให้คนอื่นที่เรารู้จักและไว้ใจมาทำหน้าที่แทน เรียกว่าในแวดวงนี้นักดนตรีวงปี่มวยมีสายสัมพันธ์ที่ดี ช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ตลอด”

หัวหน้าคณะปี่กลองเวทีมวยราชดำเนิน เปิดเผยว่า ตลอดสองปีที่ผ่านมา หลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ทุกอย่างค่อยๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวทีมวยราชดำเนินมีการพัฒนาในหลายด้าน เพื่อให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่และแฟนมวยจากทั่วโลกมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นนักมวย นักดนตรีอย่างสมทรง หรือเจ้าหน้าที่ทุกคน ล้วนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันสนามก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากทั้งแฟนมวยชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

“ผมว่าคนยังชอบดูมวยไทยแบบที่คงเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ ไม่เพียงแต่นักมวยโชว์อาวุธมวยไทยได้เต็มที่ ดนตรีของวงปี่มวยไทยก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง เพราะคำว่ามวยไทยไม่ใช่มีแต่นักมวยหรือมีแต่การชก ยังมีดนตรีที่มีทั้งปี่ กลอง มีการไหว้ครู และผมก็ยังมีความหวังว่าเราจะได้สืบสานสิ่งดีๆ เหล่านี้ให้ดำเนินไปเรื่อยๆ อย่างดนตรีไทยอย่างที่ผมและคนอื่นๆ ทำหน้าที่อยู่นี่ก็เห็นมีคนรุ่นใหม่เข้ามาเรื่อยๆ นะ เลยไม่ค่อยเป็นห่วงอะไรเท่าใดนัก วงปี่กลองมวย ราชดำเนินไม่มีวันตายหรอกครับ ผมเชื่อมั่นเช่นนั้น” ลุงสมทรงกล่าวอย่างมีความหวัง

ดนตรีไทย เป็นหนึ่งในเสน่ห์และเอกลักษณ์ของมวยไทยที่เวทีมวยราชดำเนิน ยังคงรักษาไว้อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อมอบอรรถรสและประสบการณ์ของมวยไทยแท้ๆ ที่สืบทอดมาอย่างยาวนานนับร้อยปี ทุกวันนี้เสียงดนตรีไทย เสียงเชียร์ เสียงที่เปล่งออกมาจากนักมวยไทยที่ต่อสู้ห้ำหั่นกันด้วยศิลปะแม่ไม้มวยไทย ยังคงกระหึ่มคู่เวทีมวยราชดำเนินที่เปิดต้อนรับผู้ชมทั้งคนไทยและต่างชาติทุกๆ วัน