โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวภายหลังลูกทีมบุกพ่ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-3 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ว่า บางคนอาจจะยกเรื่องสถิติมาอ้าง ซึ่งนั่นเป็นการวิเคราะห์เกมของคนที่ไม่เข้าใจกีฬาฟุตบอล ตนจะไม่พูดเรื่องสถิติ แต่ขอพูดในสิ่งที่เห็นและสัมผัสได้ในเกม ซึ่งในเกมนี้คิดว่าลูกทีมยังสู้ได้จนถึงนาทีที่ 80 เศษๆ กระทั่งมาโดนประตูย้ำชัยจากอิลคาย กุนโดกัน ในนาที 86
มูรินโญ่ยังกล่าวด้วยว่า เทียบกันแล้ว สถานการณ์ในรอบสัปดาห์ของปีศาจแดงทำให้นักเตะอ่อนล้าทั้งกายและใจมากกว่าทีมเรือใบสีฟ้ามาก เพราะซิตี้ได้เล่นในบ้านตลอด แถมชนะคู่แข่งแบบขาดลอย 6-0, 6-1 จึงไม่มีความกดดันใดๆ ขณะที่ยูไนเต็ดต้องไปเล่นเกมเยือนถึง 3 นัดติดต่อกันในเวลา 1 สัปดาห์ ทั้งเกมหนักๆ กับบอร์นมัธ และเกมสุดหินกับยูเวนตุส หนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของยุโรป ไม่ต่างอะไรกับต้องลงเล่นนัดชิง จนมาถึงนัดนี้
ในตอนท้าย มูรินโญ่ยอมรับว่า แมนฯยูไม่ได้อยู่ในตำแหน่งท็อป 4 คงพูดเรื่องลุ้นแชมป์อะไรไม่ได้ในเวลานี้ ต้องพยายามลดช่องว่างกับท็อป 4 ให้ได้ก่อน ถ้าเข้าไปอยู่ตรงนั้นได้แล้ว ค่อยมาดูกันอีกทีว่าจะเป็นอย่างไร
ด้านเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมแมนฯซิตี้ กล่าวว่า แม้ว่าซิตี้จะนำจ่าฝูงในเวลานี้ แต่คู่แข่งอย่างลิเวอร์พูล เชลซี ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ และอาร์เซน่อล ต่างก็มีโอกาสด้วยกันทั้งสิ้น ปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้เรือใบทำผลงานได้ดีคือการมีนักเตะฝีเท้าเยี่ยมให้เลือกใช้จำนวนมาก ทุกคนต่างรู้ดีว่าต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีถ้าจะรักษาตำแหน่งจ่าฝูงเพื่อลุ้นแชมป์ไปจนจบ
เป๊ปยอมรับว่า ครึ่งแรกลูกทีมทำได้ไม่ค่อยดีนัก เล่นกันแบบกลัวๆ เกร็งๆ หวงบอลกันมากเกินไป ไม่ได้คิดจะบุกแบบจริงจัง แต่ก็ยังป้องกันได้ดี พอมาครึ่งหลังเกมเปิดมากขึ้น ทำให้มีพื้นที่เล่น ทุกคนโชว์ฟอร์มได้ดีในการเจอกับทีมระดับท็อปอย่างนี้ และตั้งใจมากเพื่อแฟนๆ เป็นชัยชนะที่คู่ควรแล้ว
ทั้งนี้ สถานการณ์ตารางพรีเมียร์ลีกหลังแมตช์วันอาทิตย์ แมนฯซิตี้นำเป็นอันดับ 1 มี 32 คะแนน จาก 12 นัด ตามด้วยลิเวอร์พูล 30 คะแนน, เชลซี 28 คะแนน, สเปอร์ส 27 คะแนน และอาร์เซน่อล 24 คะแนน ส่วนแมนฯยูมี 20 คะแนน ในอันดับ 8
