แฟร้งก์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เชื่อว่าความเหนื่อยล้าจากศึกซุปเปอร์คัพเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นสาเหตุที่แข้งสิงห์บลูส์ผลงานดร็อปลงอย่างชัดเจนในครึ่งหลัง จนทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอกับ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ 1-1 ในศึกพรีเมียร์อีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม
ก่อนหน้านี้ เชลซีเพิ่งแพ้จุดโทษต่อ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล 4-5 หลังเสมอกันใน 120 นาที ด้วยสกอร์ 2-2 ประตู ในศึกยูฟ่า ซุปเปอร์คัพที่ประเทศตุรกี เมื่อวันพุธที่ 14 สิงหาคม
กระทั่งเกมล่าสุด เชลซีเปิดศึกฟาดแข้งกับเลสเตอร์ ซึ่งนับเป็นการประเดิมคุมเชลซีลงเล่นในสแตมฟอร์ด บริดจ์ในเกมทางการครั้งแรกของแลมพาร์ด โดยเกมนี้สิงห์บลูส์เริ่มต้นเกมด้วยความคึกคัก ขึ้นนำก่อน 1-0 จากเมสัน เมาท์ ที่ฉกบอลจากเท้าของวิลฟรีด เอ็นดีดี้ แนวรับเลสเตอร์เข้าไปสับไกพังประตูให้เชลซีขึ้นนำตั้งแต่ 7 นาทีแรกของเกม
แต่ทว่าสุดท้ายเอ็นดีดี้ ก็มาโขกลูกเตะมุมส่งบอลซุกก้นตาข่าย ให้เลสเตอร์ตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 67 แก้ตัวจากความผิดพลาดที่เสียบอลหน้าบ้านในครึ่งแรกได้อย่างหมดจด ซึ่งเลสเตอร์มีโอกาสบวกสกอร์หาประตูชัยได้หลายครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ จบเกมเสมอกันไป 1-1
“ผมเกลียดที่จะอ้างความเหนื่อยล้านะ แต่นั่นคือความจริงตามที่ปรากฏในครึ่งหลังของเกมกับเลสเตอร์ และจากที่ผมเห็นลิเวอร์พูลลงเล่นกับเซาแธมป์ตันก่อนหน้าเรา 1 วัน ทำให้ทราบดีเลยว่ายากแค่ไหน (เกมสัปดาห์นี้) หลังจบการฟาดแข้ง 120 นาที (ที่ตุรกี) ผมคิดว่าแมตช์นั้นส่งผลกระทบชัดเจนมากๆ แม้เราจะเป็นฝ่ายเล่นได้ดีกว่าในช่วง 20-25 นาทีแรก แต่เราก็จำเป็นต้องพร้อมรับมือกับสถานการณ์ของเกมที่เปลี่ยนไปด้วย คือเราต้องย้อนกลับมามองตัวเองด้วย พยายามปรับปรุงและพัฒนาทีมต่อไป” แลมพาร์ดกล่าว
นอกจากนี้ แลมพาร์ดยังยอมรับว่าการขาดหายไปของเอเด็น อาซาร์ มิดฟิลด์ตัวเก่งที่ย้ายไปอยู่กับรีล มาดริด และการถูกแบนจากตลาดซื้อขาย หมดสิทธิลงทะเบียนนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทีมนั้น ส่งผลกระทบต่อฟอร์มของเชลซีด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้จะไม่นำเรื่องดังกล่าวมาเป็นข้อแก้ตัวแต่อย่างใด
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
