สเตอร์ลิ่งตัดพ้อโค้ชผิวดำไม่ได้รับโอกาส ย้ำไม่ใช่แค่เรียกร้องปากเปล่า ต้องทำด้วย
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กองหน้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้สัมภาษณ์ “บีบีซี” เกี่ยวกับกระแสการต่อต้านการเหยียดผิว หรือแคมเปญ “แบล๊ก ไลฟ์ส แม็ทเทอร์” (BLM) ที่กำลังเป็นกระแสในหลายประเทศทั่วโลกในขณะนี้ว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพื่อให้คนอื่นได้ยินเสียงของคุณ แต่การประท้วงอย่างเดียวไม่ช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในประเทศอังกฤษได้ ยังต้องดูกันต่อไปว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร สังคมควรจะตระหนักรู้ และมีการปฏิบัติจริงเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่พูดกันเฉยๆ
สเตอร์ลิ่งกล่าวว่า อย่างในวงการฟุตบอลอังกฤษ ควรจะให้โอกาสสต๊าฟโค้ชผิวดำ หรือคนที่มีเชื้อสายเอเชียและชนกลุ่มน้อยของสังคมมากขึ้น โดยยกตัวอย่างอดีตนักเตะทีมชาติอังกฤษ 4 คน ที่ผันตัวไปเป็นโค้ช คือ 2 กุนซือผิวขาว แฟรงก์ แลมพาร์ด ซึ่งปัจจุบันคุมทีมเชลซี, สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ซึ่งคุมทีมเรนเจอร์สในลีกสกอตแลนด์ ขณะที่ 2 อดีตแข้งผิวดำ โซล แคมป์เบลล์ เคยทำงานโค้ช 2 ครั้งกับทีมลีกล่าง มัคเคลส์ฟิลด์ และเซาธ์เอนด์ และแอชลีย์ โคล ที่เริ่มต้นจากการเป็นโค้ชทีมยู-15 ของเชลซี หลังจากแขวนสตั๊ดเมื่อปีที่แล้ว
สเตอร์ลิ่งกล่าวว่า ทั้ง 4 คนนี้ต่างมีประวัติการค้าแข้งที่สุดยอด และต่างเคยเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ หลังจากนั้นต่างก็เข้ารับการอบรม ผ่านการสอบใบอนุญาตโค้ชระดับสูงสุด แต่แคมป์เบลล์กับโคลกลับไม่ได้รับโอกาสในการคุมทีมมากเท่าที่ควร สิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นคือ ผู้บริหารระดับสูงของวงการฟุตบอลอังกฤษ และสโมสรฟุตบอลทั่วประเทศ รวมถึงผู้มีอำนาจในรัฐสภา จะต้องระบุไว้อย่างชัดเจนถึงกฎว่าด้วยความเท่าเทียมและเปิดโอกาสให้โค้ชจากหลากหลายเชื้อชาติสีผิวให้สามารถทำงานในวงการอย่างกว้างขวาง
กองหน้าเรือใบสีฟ้ากล่าวในตอนท้ายว่า ตนคิดว่านี่คือสิ่งที่ยังขาดในประเทศนี้ แค่คุกเข่าแสดงพลังอย่างเดียวไม่พอ คุณต้องให้โอกาสคนได้ทำงานตามความเหมาะสมด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องโค้ช แต่การให้โอกาสของคนหลากหลายเชื้อชาติสีผิวในสายงานที่พวกเขาเชี่ยวชาญ ทั้งที่พรีเมียร์ลีกมีนักเตะราว 500 คน ในจำนวนนี้มีคนผิวดำถึง 1 ใน 3 แต่กลับไม่มีคนผิวสีในระดับบริหารหรือในตำแหน่งสต๊าฟโค้ชเลย
