‘เชลซี’ โชว์เหนือไล่เชือด ‘แมนฯยู’ 3-1 ทะยานชิงเอฟเอคัพกับ ‘อาร์เซน่อล’
“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี จัดการปราบ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 ในศึกเอฟเอคัพ อังกฤษ รอบรองชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อคืนวันที่ 19 กรกฎาคม
จังหวะสำคัญของเกมนี้ อยู่ในช่วงท้ายครึ่งแรก เมื่อเอริก ไบญี่ กองหลังแมนฯยู ศีรษะแตก หลังจากชนกับแฮร์รี่ แม็กไกวร์ (ก่อนหน้านั้นไม่นานไบญี่ชนกับเคิร์ต ซูม่า ผู้เล่นเชลซีจนเจ็บศีรษะและต้องปฐมพยาบาลกันทั้งคู่) แม้จะลุกขึ้นได้พักหนึ่ง แต่ก็ทรุดลงอีก จนทีมแพทย์ต้องใช้เวลาปฐมพยาบาลนานหลายนาที บล็อกคอและหามขึ้นเปลนำตัวออกจากสนามไป ทำให้แมนฯยูต้องส่งอ็องโตนี่ มาร์ซิยาลลงสนามแทน พร้อมปรับแผนการเล่นใหม่
เกมหยุดไปนานทำให้มีการทดเวลานานมากกว่า 10 นาที และเป็นเชลซีขึ้นนำ 1-0 ในนาที 45+11 จากจังหวะที่อัซปิลิกวยต้า เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งขวาเข้ามาในกรอบเขตโทษให้โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เข้าชาร์จสะกิดบอลผ่านมือของดาบิด เดเคอา เข้าประตู
เปิดฉากครึ่งหลังได้ครู่เดียว เมสัน เมาท์ ได้โอกาสเลี้ยงลุยมาตะบันด้วยขวา เดเคอา ตบบอลไม่อยู่ปลิ้นเข้าประตูไปช่วยให้เชลซีออกนำ 2-0 นาที 46 จากนั้นแม็กไกวร์สกัดลูกเปิดจากริมเส้นของมาร์กอส อลอนโซ่ เข้าประตูตัวเอง นาที 74 ทำให้เชลซีนำห่าง 3-0
นาทีที่ 85 คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย แนวรุกเชลซีสะกิดมาร์ซิยาลล้มในเขตโทษ ไมค์ ดีน ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษทันที และเป็นบรูโน่ แฟร์นันเดส ซัดเสียบเสาไม่พลาด แมนฯยู ตีตื้นเป็น 1-3 ครึ่งหลังทดเวลาบาดเจ็บ 6 นาที แต่ไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่ม
จบเกมนี้ เชลซีชนะ 3-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับอาร์เซน่อล โดยจะฟาดแข้งกันในคืนวันที่ 1 สิงหาคมนี้
