เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของลิเวอร์พูล เผยว่า “ทัพหงส์แดง” ได้ประกาศศักดาในการเป็นสโมสรชั้นนำของโลกได้อย่างสวยงาม ในเกมที่ลิเวอร์พูลบุกไปปราบ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก 3-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัด 2 ถึงถิ่นอลิอันซ์ อารีน่า เมื่อวันที่ 13 มีนาคม รวมผลสองนัด หงส์แดงทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์ 3-1 หลังเสมอกันมาในเลกแรก 0-0
เกมนี้หงส์แดงเป็นฝ่ายขึ้นนำ 1-0 จากซาดิโอ มาเน่ แนวรุกตัวจี๊ดที่ดึงบอลพลิกหลบมานูเอล นอยเออร์แล้วตวัดยิงตุงตาข่ายอย่างสวยงาม ในนาทีที่ 26 ก่อนที่โจเอล มาติป แนวรับเพื่อนร่วมทีมจะสกัดพลาดเข้าระ๖ตัวเองให้เสือใต้ตีเสมอเป็น 1-1 นาทีที่ 39
อย่างไรก็ตามหงส์แดงมาได้ 2 ประตูรวดจากการทะยานโขกของเวอร์กิล ฟาน ไดค์ ในนาทีที่ 69 และประตูตอกย้ำชัยชนะจากมาเน่คนเดิมในนาทีที่ 84 ช่วยให้ลิเวอร์พูลบุกชนะ 3-1 ทะลุสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
“ที่จริงแล้ว การบุกมายิงที่สนามแห่งนี้ถึง 3 ประตูเป็นเรื่องที่ยากมากๆ นี่ถือเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่และถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะเป็นการประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าลิเวอร์พูล ได้กลับมาเป็นสโมสรชั้นนำในระดับโลกเรียบร้อยแล้ว ดังที่หงส์แดงแสดงให้เห็นในเกมนี้ ผมมีความสุขแบบสุดสุดกับผลการแข่งขันและการเข้ารอบต่อไปของพวกเรา” คล็อปป์ระบุ
นอกจากนี้กุนซือเฮฟวีเมทัลของหงส์แดงยังแสดงความประทับใจในลูกยิงของมาเน่จนถึงเอ่ยปากว่า อยากจะกลับไปย้อนดูภาพช้าในจังหวะนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็น 1,000 ครั้ง เพราะเป็นจังหวะที่ยอดเยี่ยมมากๆ
ขณะที่ฟาน ไดค์ ซึ่งสามารถทำประตูแรกของตัวเองในแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นนี้ได้สำเร็จ รวมถึงการแอสซิสต์ให้กับมาเน่ในประตูแรกของเกม ทำให้ฟาน ไดค์ กลายเป็นนักเตะลิเวอร์พูลคนแรก ที่ทั้งยิงและจ่ายในเกมเยือนของแชมเปี้ยนส์ลีกรอบน็อกเอาต์ นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2007
คล็อปป์ กล่าวว่า ฟาน ไดค์ มีความดุดันในการเล่นลูกกลางอากาศ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นลูกตั้งเตะของทีมมากขึ้น เป็นนักเตะที่คอยสร้างความหวั่นเกรงให้กับคู่แข่งเสมอ และฟานไดค์รู้ตัวดีว่าสามารถพัฒนาฝีเท้าได้ดียิ่งขึ้นกว่านี้ได้อีกแน่นอน
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
Watch the Game Highlights from FC Bayern München vs. Liverpool, 03/13/2019 pic.twitter.com/bM9Eo3W5Y5
— Goal Thailand (@Goal_TH) March 13, 2019
