โรนัลโด้ VS เมสซี่ ลัดฟ้า ข้ามทวีป ประชันสถิติ
ช่วงนี้วงการลูกหนังโลกมีทัวร์นาเมนต์สำคัญกำลังแข่งขันแบบคู่ขนานใน 2 ทวีป
หนึ่งคือศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2020 ซึ่งตระเวนแข่งใน 11 เมือง 11 ประเทศ
อีกหนึ่งคือฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ โคปา อเมริกา ซึ่งบราซิลรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพแบบฉุกเฉินแทนอาร์เจนตินาและโคลอมเบีย เจ้าภาพร่วมที่ทยอยถอนตัวไปก่อนหน้านี้
และเช่นเคย 2 ทัวร์นาเมนต์นี้ก็มีแข้งซุป’ตาร์ระดับเทพของยุคลงฟาดแข้งในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ในศึกโคปา อเมริกา และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ในศึกยูโร
เนื่องด้วยต่างฝ่ายต่างทำผลงานแบบ “แลกหมัด” วันนี้คนนึงทำสถิติ อีกวันอีกคนก็ทำสถิติได้ จึงทำให้การถกเถียงเรื่อง “ใครเก่งกว่ากัน?” กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง!\
เริ่มจากเมสซี่ซัดฟรีคิกให้ทีมฟ้า-ขาวในเกมเสมอชิลี 1-1 เป็นประตูที่ 7 จากการเตะฟรีคิกในการรับใช้ชาติ ทำลายสถิติของ ฮวน โรมัน ริเกลเม่ ที่เป็นเจ้าของสถิติเดิม 6 ประตู
อีกทั้งยังเป็นลูกที่ 57 ในการเล่นฟุตบอลอาชีพของเจ้าตัว เหนือกว่าคู่ปรับตลอดกาลอย่างโรนัลโด้ที่ตอนนี้สถิติยิงฟรีคิกเป็นประตูอยู่ที่ 56 ครั้งในการเล่นทั้งระดับทีมชาติและสโมสร
ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ย้อนไปเมื่อปี 2011 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นโรนัลโด้ยิงฟรีคิกเข้าไปแล้วถึง 30 ลูก ขณะที่เมสซี่เพิ่งยิงฟรีคิกเป็นประตูได้เพียง 4 ครั้ง แสดงว่าช่วง 10 ปีมานี้เมสซี่เร่งเครื่องไล่แซงได้อย่างน่าทึ่ง
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าย้อนไป 10 ปีก่อน CR7 อายุ 26 ส่วนเมสซี่อายุ 23 ชั่วโมงบินในสนามย่อมต่างกัน
และถ้าจะว่ากันเฉพาะเรื่องการทำประตูจากฟรีคิกอย่างเดียว ไม่ว่าเมสซี่หรือโรนัลโด้ก็ยังไม่เข้าอันดับท็อปเท็น และเจ้าของสถิติสูงสุดเป็นของ จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ ราชาฟรีคิกชาวบราซิเลียน กับผลงาน 77 ประตู
อย่างไรก็ตาม การทำสถิติของเมสซี่ก็ทำให้สื่อหยิบชื่อของเขาไปพาดหัวเปรียบเทียบกับโรนัลโด้อยู่ดี ซึ่ง CR7 ก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองตกเป็นรองอยู่นาน เพราะวันรุ่งขึ้นลงสนามให้ทีมชาติโปรตุเกสพบฮังการี ก็เหมาทำ 2 ประตู พร้อมสร้างสถิติขึ้นใหม่เช่นกัน
2 ประตูดังกล่าวเป็นประตูที่ 10 และ 11 ในการลงสนามฟุตบอลยูโร 5 สมัยของโรนัลโด้ กลายเป็นเจ้าของสถิติทำประตูสูงสุดตลอดกาลของทัวร์นาเมนต์ ทำลายสถิติเดิมที่ มิเชล พลาตินี่ เทพบุตรลูกหนังชาวฝรั่งเศส เคยทำไว้ 9 ประตู
เท่านั้นไม่พอ ประตูรวมในการเล่นทีมชาติของโรนัลโด้ขณะนี้อยู่ที่ 106 ประตู ขาดอีกเพียง 3 ลูก จะเทียบเท่าสถิติสูงสุดตลอดกาลของ อาลี ดาอี อดีตกองหน้าทีมชาติอิหร่านที่ทำไว้ 109 ประตู
โปรตุเกสจะลงสนามรอบแบ่งกลุ่มอีก 2 นัด การมี 3 แต้มในมือ และยิงได้ถึง 3 ลูก ทำให้พวกเขามีโอกาสเข้ารอบต่อไปไม่น้อย หมายความว่าโรนัลโด้ก็มีโอกาสสูงที่จะลุ้นทำลายสถิติของดาอี
ขณะที่เมสซี่ ประตูรวมในทีมชาติของเขาตอนนี้ยังห่างไกลจากโรนัลโด้ แต่ยังมีสถิติให้ภูมิใจได้เช่นกัน โดยปัจจุบันเขายิงไปแล้ว 73 ประตู จากการลงเล่นทีมชาติ 145 นัด เป็นเจ้าของสถิติยิงประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์ทีมฟ้า-ขาว
ส่วนฟรีคิกที่เขาทำได้ในเกมโคปา อเมริกา นัดเปิดสนามของอาร์เจนตินา ก็เป็นประตูที่ 39 ในทัวร์นาเมนต์ทีมชาติอย่างเป็นทางการของเจ้าตัว (ไม่รวมแมตช์กระชับมิตร) เป็นสถิติสูงสุดของประเทศ ทำลายสถิติเดิมที่ “บาติโกล” กาเบรียล บาติสตูต้า ตำนานดาวยิงอาร์เจนไตน์ เคยทำไว้ 38 ประตู
ส่วนสถิติยิงประตูรวมสูงสุดตลอดกาลนั้น ปัจจุบัน โรนัลโด้มีสถิติเป็นอันดับ 2 ที่ 780 ประตู ขณะที่เมสซี่เป็นอันดับ 6 ทำไว้ 744 ประตู
ส่วนสถิติสูงสุดเป็นของ โจเซฟ บิคาน อดีตดาวยิงชาวออสเตรียผู้ล่วงลับซึ่งบันทึกสถิติไว้ว่า 805+ ประตู (โดยต้องใส่ + ไว้เนื่องจากยังมีประตูที่ไม่ได้บันทึกอย่างเป็นทางการ หรือในแมตช์ระดับที่อาจไม่ได้รับการรับรองอีกหลายร้อยประตู)
เรียกว่าเป็นตัวเลขที่สมน้ำสมเนื้อและทั้งโรนัลโด้กับเมสซี่ก็ยังอยู่ในวิสัยที่จะไล่ตามทันทั้งคู่ ถ้าฟอร์มไม่ตกจนน่าใจหาย หรือมีปัญหาบาดเจ็บรุนแรงเสียก่อน
กรณีของเมสซี่น่าจะได้เปรียบโรนัลโด้อยู่บ้าง เนื่องจากอายุน้อยกว่า 3 ปี ยังมีโอกาสเล่นได้นานกว่า
แต่ตัวโรนัลโด้เองก็รักษาสภาพร่างกายได้อย่างยอดเยี่ยม ความคล่องตัวอาจไม่เท่าเดิม แต่กำลังวังชาไม่ได้ดร็อปลงไปมากเท่าไร
ในระดับสโมสรตอนนี้ทั้งคู่ถือว่าอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ มีกระแสข่าวมากมายเกี่ยวกับการย้ายสังกัดจากปัจจุบัน ทั้งโรนัลโด้กับ ยูเวนตุส และเมสซี่กับ บาร์เซโลน่า
เป็นทางเลือกครั้งสำคัญของชีวิตเพราะจะมีผลในเรื่องการลุ้นแชมป์และสถิติมากมายในวัยใกล้เกษียณจากอาชีพนักเตะ
หรือจะทำเซอร์ไพรส์ ย้ายไปเล่นด้วยกันในทีมอินเตอร์ ไมอามี ของอดีตสตาร์ดัง เดวิด เบ๊คแฮม ตามที่มีข่าวลือเสียก็ไม่รู้!?!
