สำนักข่าวเกียวโด นิวส์ ของประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า ความสำเร็จของ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติไทย กับคอนซาโดเล ซัปโปโร ในฟุตบอลเจลีก ญี่ปุ่น ทำให้เจลีกสามารถขยายฐานแฟนบอลออกไปในภูมิภาคอาเซียนได้มากขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะแฟนบอลในประเทศไทยที่ติดตามเจลีกมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อปี 2017 แมตช์ระหว่างคอนซาโดเล กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล แมตช์นั้นชนาธิปลงเล่นตัวจริงและเล่นครบ 90 นาที พบว่ามีแฟนบอลชาวไทยกว่า 400,000 คน ที่ชมการถ่ายทอดสดเกมนั้น มากกว่าแฟนบอลที่ชมการแข่งขันของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่ไทยลีกเสียอีก
ผู้บริหารระดับสูงของเจลีกยอมรับว่า ตั้งแต่ปี 2017 ที่เจลีกได้ปรับกฎให้เซ็นสัญญานักเตะโควต้าเอเชีย 1 คนมาร่วมทีม โดยไม่นับรวมกับโควต้าต่างชาติ ทำให้หลายทีมดึงตัวนักเตะจากหลายชาติในเอเชียเข้ามา ชนาธิปและนักเตะฝีเท้าดีจากอาเซียนทำให้เจลีกสามารถทำการตลาดจากภูมิภาคอาเซียนได้มากขึ้นตั้งแต่ย้ายมา สำหรับประเทศไทยถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เป้าหมายต่อไปจะต้องขยายฐานแฟนบอลไปที่อินโดนีเซียและเวียดนามเพิ่มอีก
ด้านโยชิคาซึ โนโนมูระ ประธานสโมสรคอนซาโดเล เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เห็นผลงานของชนาธิปแล้ว ทำให้รู้สึกว่านักเตะในอาเซียนโดยเฉพาะนักเตะไทยฝีเท้าดีพอที่จะมาเล่นในเจลีกมากกว่านี้ ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้กับฟุตบอลลีกของญี่ปุ่นและพัฒนานักเตะที่มาจากประเทศไทยเองไปพร้อมๆ กัน
ขณะที่มิตสึรุ มูราอิ ประธานเจลีก กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าแปลกใจมากที่มีคนเข้ามาชมวิดีโอการฝึกซ้อมครั้งแรกของชนาธิปกับคอนซาโดเลถึง 3 ล้านครั้ง ซึ่งมากกว่าจำนวนประชากรของซัปโปโรเสียอีก แสดงให้เห็นว่านักเตะไทยรายนี้มีอิทธิพลอย่างมากกับเจลีก ซึ่งก็อยากจะให้ชนาธิปอยู่ในเจลีกเพื่อสร้างฐานแฟนบอลให้ประเทศญี่ปุ่นมากขึ้นไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้ นอกจากชนาธิปแล้ว เกียวโด นิวส์ ยังได้รายงานถึงการย้ายมาค้าแข้งในเจลีกของนักเตะไทยอีกหลายคน ทั้ง “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กับซานเฟรชเซ ฮิโรชิมา เมื่อฤดูกาลที่แล้ว “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ที่อยู่กับโยโกฮามา มารินอส และ “นิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่เพิ่งย้ายไปร่วมทีมโออิตะ ตรินิตะ อีกด้วย
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
