ควันหลงหลังจากที่ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย พ่ายให้กับ “ดาวทอง” เวียดนาม 0-1 ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 47 รอบรองชนะเลิศ ที่ช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน
“โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังที่จบเกมด้วยการเป็นผู้แพ้ ทั้งๆ ที่ลูกทีมมีโอกาสเยอะมากในวันนี้ แต่มาโดนลงโทษในนาทีสุดท้ายแบบไม่มีโอกาสให้แก้ตัวได้เลย อย่างไรก็ตามภารกิจของทีมชาติไทยยังไม่จบลง และต้องทำหน้าที่ให้เสร็จในเกมนัดชิงอันดับ 3 กับอินเดีย
เฮดโค้ชไทย กล่าวต่อว่า การที่ขาด “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ในเกมนี้ ก็ถือว่ามีผลกระทบเหมือนกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมมันก็ทำให้ได้เห็นมิติใหม่ของทีม มีดาวรุ่งที่ลงไปเล่นแล้วดูเป็นอนาคตของทีมชาติไทยชุดใหญ่ได้
“การไม่ใช่ธีรศิลป์ในวันนี้ก็เพราะว่ามีการคุยกันแล้วว่าร่างกายไม่เต็มร้อย เลยไม่อยากใช้เพราะว่าจะมีผลเสียมากกว่า ทำให้ในช่วงท้ายเกมเลือกส่งศุภณัฏฐ์ (เหมือนตา) ลงไปเล่นแทนเพื่อหวังความปราดเปรียว ส่วนกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่คุยกับโค้ชประตูแล้วเห็นว่า ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ลงเล่นเกมลีกมาถี่แล้วมีอาการล้า จึงเลือกกวินทร์”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแพ้ต่อเวียดนามวันนี้ ถือว่าเป็นการยอมรับว่าเป็นเบอร์ 2 ของอาเซียนหรือยัง ซึ่งโค้ชโต่ย ตอบว่า ถ้าหากถามตัวเองแล้วยังไม่ยอมยกอันดับ 1 ของอาเซียนให้ เพราะคิดว่ารู้แบบการเล่นต่างๆ ไม่ได้เป็นรอง อย่างในครึ่งหลังก็ครองบอลได้มากกว่า เพียงแต่ฟุตบอลตัวชี้วัดมันอยู่ที่ประตู ซึ่งเขาทำได้เท่านั้น
โค้ชโต่ย กล่าวปิดท้ายถึงการเจอกับ อินเดีย ในการชิงอันดับ 3 ว่า ขอดูผู้เล่นที่ลงสนามวันนี้ว่ามีอาการบาดเจ็บหรือล้าหรือไม่ก่อน แต่ก็น่าจะมีการสลับผู้เล่นลงสนามอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามการเจอกับอินเดีย ไม่อยากใช้คำว่าการล้างแค้นจากที่พ่ายมาเมื่อเอเชี่ยนคัพ แค่รู้สึกว่าอยากวัดฝีมือด้วยอีกครั้ง หวังว่าจะได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่พลาดมาคืออะไร และจะทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
