ความเคลื่อนไหวทัพ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ ซึ่งเตรียมจะลงสนามศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 47 ในรอบชิงอันดับ 3 พบกับ ทีมชาติอินเดีย ทีมอันดับ 101 ของโลก ที่ช้าง อารีนา จ.บุรีรัมย์ ในวันที่ 8 มิถุนายน เวลา 15.30 น. ถ่ายทอดสดทางไทยรัฐทีวี
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ได้มีการแถลงข่าวก่อนเกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ โดยไทยส่ง “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่ กับ “อาร์ม” ศุภชัย ใจเด็ด ขณะที่อินเดีย นำมาโดย อิกอร์ สติมัช หัวหน้าผู้ฝึกสอน และ ซานเดช จินกันห์ กองหลังของทีม ร่วมแถลง
โค้ชโต่ย กล่าวว่า จากการเจอเวียดนามในเกมแรกนั้น ทีมก็ได้เก็บเอาข้อผิดพลาด และจุดบกพร่องที่เกิดขึ้นกับทีมมาแก้ไข ทำให้ตอนนี้มีความพร้อมเต็มที่ในการจะเจอกับทีมชาติอินเดีย คงต้องเปิดเกมรุกใส่แน่นอนเพียงแต่ว่าการลงเล่นในช่วง 15.30 น. ซึ่งอากาศร้อนมากๆ นั้น ก็ต้องดูกันอีกที จะบุกแบบไม่ผ่อนไม่ได้
เฮดโค้ชทีมชาติไทย กล่าวต่อว่า เกมกับอินเดียข่าวดีคือ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา จากที่ดูการฝึกซ้อมลงเล่นสมอลไซด์นั้นกลับมาฟิตสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว พร้อมจะลงเล่นในเกมนี้ แล้วก็เกมรุกจะมีการปรับแก้ไขเรื่องวิธีการเข้าทำอีกเล็กน้อย น่าจะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม
“ส่วนตัวอื่นๆ คงจะมีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นบ้าง แต่คงไม่มาก ขณะเดียวกันการเลือกผู้เล่นสำรองเองก็จะต้องดูตามสถานการณ์อีกครั้ง ทุกคนมีโอกาสที่จะได้ลงสนามทั้งหมด และก็พร้อมใช้นักเตะทุกคนที่มีเช่นกัน” โค้ชโต่ยกล่าวปิดท้าย
ด้าน “อาร์ม” ศุภชัย ใจเด็ด กล่าวว่า หลังเกมเจอเวียดนามก็กลับมาทบทวนข้อผิดพลาด จะพยายามโฟกัสกับเกมนี้และทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด จากการที่เคยเจออินเดียมาในเอเชี่ยนคัพ พวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งและประมาทไม่ได้เด็ดขาด ครั้งนี้ได้เปรียบตรงที่เล่นในบ้าน ทุกคนในทีมพร้อมที่จะทำผลการแข่งขันออกมาให้ดีที่สุด เชื่อว่ามันจะออกมาดีแน่นอน
“การลงเล่นในกองหน้าแทนพี่มุ้ย ก็ได้แนะนำและให้กำลังใจ บอกกับผมว่าทุกคนต่างมาต่างสโมสร พยายามรวมกันให้เป็นหนึ่งเดียวให้ได้ ช่วยกันเล่นเพื่อคนไทยทุกคน และลงเล่นด้วยหัวใจ” ศุภชัย กล่าวปิดท้าย
ขณะที่ อิกอร์ สติมัช เฮดโค้ชอินเดีย กล่าวว่า ทีมอินเดียพยายามรีเฟรชผู้เล่นให้พร้อมมากที่สุดสำหรับการเจอกับทีมชาติไทย การได้มาเล่นคิงส์คัพนั้นเป็นโอกาสดีที่จะได้เจอทีมระดับท็อป รวมถึงทีมชาติไทยเองก็ไม่ได้เจอง่ายๆ แม้จะเพิ่งเจอมาในเอเชี่ยนคัพ แต่ทั้งสองทีมก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะ สไตล์ก็ต่างออกไป ดังนั้นไม่ใช่งานง่ายแน่นอน
เรื่องตัวผู้เล่น บอกกับลูกทีมว่าทุกคนมีโอกาสหมด ใครที่ลงเล่นเกมแรกฟอร์มดีก็มีโอกาสได้ลงต่อ ส่วนคนที่ทำได้ดีตอนซ้อมก็มีโอกาสเช่นกัน แต่คงไม่คาดหวังในเรื่องผลการแข่งขัน เพราะอยากเซฟนักเตะให้พร้อมสำหรับทัวร์นาเมนต์ระดับภูมิภาคมากกว่า อย่างไรก็ตามคิงส์คัพคือรายการที่ยอดเยี่ยมและเป็นเกียรติที่ได้มาร่วมแข่งขัน
ปิดท้ายด้วย ซานเดช จินกันห์ กองหลังของอินเดีย กล่าวว่า ในเอเชี่ยนคัพที่ผ่านมาเป็นผลงานที่ดีของอินเดีย แต่การมาเล่นในบ้านของไทยนั้นจะต่างออกไปแน่นอน อย่างไรก็ตามจะลงเล่นด้วยความมุ่งมั่นเหมือนเดิม เพื่อสร้างผลการแข่งขันที่ดีให้ได้
ทั้งนี้ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 47 ในรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 8 มิถุนายนนี้ ที่ช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ คู่แรกในเวลา 15.30 น. ชิงอันดับ 3 ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติิอินเดีย คู่สองในเวลา 19.45 น. นัดชิงชนะเลิศ ทีมชาติเวียดนาม พบ ทีมชาติกือราเซา