ควันหลงหลังการจับสลากแบ่งสายการแข่งขันกีฬาฟุตบอลชาย ในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งในส่วนของฟุตบอลชายจะทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม โดยทีมชาติไทย แชมป์เก่า 16 สมัย อยู่ในกลุ่มบี ร่วมกับ อินโดนีเซีย, เวียดนาม, ลาว และบรูไน ส่วนกลุ่มเอ ประกอบด้วย ฟิลิปปินส์ (เจ้าภาพ) มาเลเซีย, พม่า, กัมพูชา, ติมอร์เลสเต
“โค้ชเฮง” นายวิทยา เลาหกุล อุปนายกฝ่ายเทคนิค สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า เป็นงานที่ไม่ง่ายสำหรับทีมชาติไทย ในการจะรักษาแชมป์เอาไว้ ไม่ว่าจะอินโดนีเซีย หรือว่าเวียดนามก็ตาม เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่ง และที่สำคัญคือโปรแกรมการแข่งขัน ไม่ควรเจอกับสิงคโปร์ตั้งแต่เกมแรก เพราะว่าสิงคโปร์นั้นเป็นทีมสไตล์แบบบีบพื้นที่ เข้าหาบอลเร็ว และทุกครั้งที่เป็นรายการทัวร์นาเมนต์ระดับเยาวชนจะเล่นเกมแรกดีมากๆ ถ้าไทยเจอก่อนมักจะแพ้ตลอด
“ต้องรอดูโปรแกรมว่าสุดท้ายเราจะเจอทีมใดก่อนบ้าง ถ้าหากเจอกับสิงคโปร์นัดแรกก็คงหนักหน่อย ขณะที่ลาว กับ บรูไน อาจจะเป็นทีมแจกแต้มแต่ประมาทไม่ได้ ต้องเล่นให้เกินร้อยทุกนัด แต่เชื่อว่าไทยจะชิงกับเวียดนามในการเข้าเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มในท้ายที่สุด”
โค้ชเฮง กล่าวต่อว่า ซีเกมส์ก็ถือว่าเป็นงานหนักที่นิชิโนะจะเป็นโค้ชต่างชาติคนแรกในรอบ 16 ปีที่สามารถคว้าแชมป์ซีเกมส์ได้หรือไม่ แต่ด้วยศักยภาพผู้เล่นไทยมีประสบการณ์เยอะกว่าทุกทีมในย่านอาเซียน เพราะส่วนใหญ่เล่นในไทยลีกทั้งนั้น อยู่ที่การเตรียมตัวว่าจะมีเวลามากน้อยแค่ไหน
“เรื่องของแท็คติกต่างๆ มันต้องใช้เวลา โดยเฉพาะเกมรุกกับการเจาะคู่ต่อสู้ที่รับลึก มันไม่ใช่ว่าจะซ้อมอะไรก็ได้ หรือเล่นแบบบุกแหลก ไม่มีเป้าหมายในการเข้าทำ ไม่มีทิศทาง ก็จะเป็นปัญหาให้กับทีมได้เช่นกัน เพราะในซีเกมส์เราจะเจอกับอินโดนีเซียที่ตั้งรับดี, สิงคโปร์ที่เพรสซิ่งดี หรือลาวกับบรูไนที่มาจอดรถบัสแน่ๆ ซึ่งอยากเห็นเหมือนกันว่าสไตล์บุกแหลกของนิชิโนะจะเป็นอย่างไร”
แม้ว่าการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 30 จะเป็นทัวร์นาเมนต์ก่อนเข้าสู่การแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ แต่ นายวิทยา กล่าวว่า ไทยไม่สามารถนำตัวผู้เล่นไปทดลองในการแข่งขันครั้งนี้ได้ เพราะซีเกมส์คือรายการสูงสุดของอาเซียน ทุกคนคาดหวังเอาไว้ ถ้าคิดว่าจะเอาใครไปเล่นก็ได้มันจะแพ้ทั้งหมด เพราะทุกทีมในกลุ่มประมาทใครไม่ได้เลย
