ความเคลื่อนไหว “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้การนำทีมของ อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้ยังต้องรอกำหนดการของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ว่าจะให้การแข่งขันตามปฏิทินฟีฟ่าเดย์ กลับมาแข่งขันอีกครั้งได้เมื่อไหร่ หลังจากการแข่งขันในเดือนมีนาคมและมิถุนายน ถูกยกเลิกไปแล้วนั้น
ล่าสุด อากิระ นิชิโนะ ออกมาเปิดเผยว่ามีแผนที่จะเรียกนักเตะเข้าแคมป์เก็บตัวในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ถ้าหากว่าฟีฟ่านั้นประกาศปฏิทินฟีฟ่าเดย์ในช่วงเดือนกันยายน กลับมาแข่งขันอีกครั้ง
นิชิโนะ กล่าวว่า ตามหลักแล้วในสถานการณ์ปกติคงจะต้องมีการฝึกซ้อมแล้วเตรียมการแข่งขันอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนตอนนี้คงอึดอัดใจ ไม่ว่าจะเป็นตัวเองหรือแฟนบอลทุกคนก็ตาม แต่ก็อยากให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกับทางภาครัฐบาล และอยากให้นักกีฬาทุกคนใช้โอกาสนี้พัฒนาและขัดเกลาฝีเท้าตัวเองให้ดีขึ้น
“มันอาจจะมีปัจจัยหลายอย่างที่เราอาจจะไม่สามารถรักษาสภาพร่างกายของเราได้อย่างเต็มที่ ก็อยากให้ทุกคนพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ก่อน ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้อยากให้นักกีฬาทุกคนฝึกฝนตนเอง ถ้าเหตุการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว เราจะได้โชว์ศักยภาพของเราให้แฟนบอลได้เห็นอีกครั้ง และอยากให้แฟนบอลทุกคนอดทนรอ จะได้รับชมฟุตบอลที่สนุกสนาน”
ขณะเดียวกัน นิชิโนะ ยังเปิดเผยว่า ถ้าหากสถานการณ์ต่างๆ กลับมาเป็นปกติ และฟีฟ่ากับเอเอฟซีนั้นประกาศให้ปฏิทินฟีฟ่าเดย์ในช่วงเดือนกันยายน (ระหว่าง วันที่ 31 สิงหาคม – 8 กันยายน ) กลับมาแข่งขันอีกครั้ง ต้องขอความร่วมมือจากสโมสรสมาชิก ในการปล่อยตัวนักกีฬา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโปแกรมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง ในช่วงเดือนตุลาคม
“ผมอยากจะขอความร่วมมือจากสโมสรสมาชิก หากฟุตบอลกลับมาทำการแข่งขันอีกครั้ง ในการปล่อยตัวนักกีฬา เพื่อให้เราได้วางแผนเก็บตัวหรืออุ่นเครื่อง เตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก อีก 3 แมตช์สุดท้ายที่เหลือ มีความสำคัญกับทีมชาติไทยของเรามากๆ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด 19 จะเข้าสู่ภาวะปกติหรือไม่ ซึ่งฟีฟ่าและเอเอฟซี จะประเมินสถานการณ์ต่อไป”
สำหรับสถานการณ์ของทีม “ช้างศึก” ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบสอง กลุ่มจี นั้น ทีมชาติไทยลงสนามไปแล้ว 5 นัด ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 มี 8 คะแนนอยู่ อันดับ 3 ของกลุ่ม ตามหลังเวียดนาม จ่าฝูงอยู่ 3 คะแนนด้วยกัน โดยยังมีโปรแกรมให้ลงสนามอีก 3 นัด ประกอบด้วย เหย้า อินโดนีเซีย, เยือน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเหย้า มาเลเซีย โดยทีมแชมป์กลุ่ม 8 กลุ่ม และรองแชมป์กลุ่มที่ดีที่สุด 4 ทีม จะผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้าย และได้ตั๋วไปเล่นเอเชี่ยนคัพ 2023 ทันที
