‘มาโน่’ ชมลูกทีมโชว์สุดยอดเกมรับ ลั่นพาทีมคว้าแชมป์เพื่อ ‘ฉัตรชัย’

‘มาโน่’ ชมลูกทีมโชว์สุดยอดเกมรับ ลั่นพาทีมคว้าแชมป์เพื่อ ‘ฉัตรชัย’

หลังจากที่ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ​ฟุตบอล “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” ได้สำเร็จ หลังเอาชนะแชมป์เก่า “ดาวทอง” เวียดนาม ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 2-0 นั้น

มาโน่ โพลกิ้ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่า ภูมิใจในตัวลูกทีมแบบสุดๆ ทุกคนทำงานในเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยมในครึ่งหลัง แน่นอนว่าทีมไทยอาจจะสามารถเล่นได้ดีกว่านี้ ทำเกมบุกได้ดีกว่านี้ แต่เรารู้ว่ามันคือเกมแบบ 180 นาที และเรามีสกอร์ตุนอยู่ 2 ประตู รู้ว่าความสำคัญคือการเล่นเกมรับและแพ็คเกมเอาไว้ ซึ่งทีมชาติไทยทำผลงานของตัวเองได้ดีและมีความสุขมากที่พาทีมเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

“แต่ในความดีใจก็มีข่าวร้ายคืออาการบาดเจ็บของฉัตรชัย (บุตรพรม) ที่ค่อนข้างหนักทีเดียว แต่เขาสามารถป้องกันลูกที่สำคัญเอาไว้ให้กับทีมได้ เรารู้สึกเสียใจกับเขาอย่างมาก แต่เราก็จะพยายามคว้าแชมป์เพื่อเขาให้ได้”

การที่เวียดนามเปิดเกมรุกใส่เป็นอะไรที่คิดเอาไว้อยู่แล้ว รู้ว่าพวกเขาจะใส่เกมรุกมาเต็มที่ พวกเขาเล่นแบบไม่มีอะไรจะเสีย เข้าบอล 50-50 ได้หนักกว่าทีมไทย แต่การเปลี่ยนตัวช่วงพักครึ่งทำได้ดีมากๆ ทำให้รับมือกับบอลยาวได้ดี ต้องเรียกว่าเป็น “มาสเตอร์คลาสดีเฟนดิ้ง” ของทีมชาติไทย รับกันเป็นทีมมีระเบียบวินัยตลอดทั้งเกม และชื่นชมพิธิวัต สุขจิตธรรมกุล ที่เป็นเหมือนนักรบคอยป้องกันแผลหลังและทำผลงานได้อย่างสุดยอด

Advertisement

“ผมภูมิใจกับผู้้เล่นทุกคน เรารู้ดีว่าผมเป็นโค้ชเกมรุก แต่ทุกคนทำให้เห็นว่าเราสามารถเล่นได้ทั้งเกมรุกและเกมรับ จริงๆ แล้วทีมมีเวลาซ้อมเต็มเซสชั่นแค่ 6-7 ครั้ง มีเวลาไม่เหมือนทีมอื่น ซึ่งไทยสามารถทำได้ดีกว่านี้แน่นอน”

ส่วนการเจอกับอินโดนีเซียในรอบชิงชนะเลิศนั้น มาโน่ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีทีมใดเป็นทีมเต็งกว่ากัน ถึงแม้ไทยจะมีชื่อเสียงที่ดีกว่าแต่ก็เป็นการเจอกันของทีมที่ดีทั้งสองทีม ตนได้ไปดูอินโดนีเซียในสนามทั้งเกมกับมาเลเซียและรอบรองชนะเลิศทั้งสองนัด เป้นทีมที่มีความดุดันในแง่ดีอย่างมาก และเป็นทีมที่อันตราย จะเป็นเกมที่ยากทั้งสองนัดแน่นอน

“มันจะเป็นเกมที่ต่างออกไป แท็คติกที่ต่างออกไป ซึ่งเรามีเวลาซ้อมแค่ 2 วันเท่านั้น จะต้องเตรียมตัววางแผนสำหรับการเล่นทั้งสองนัดแล้วเล่นให้ได้ตามแผนที่วางเอาไว้”

Advertisement

ด้าน พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล แมนออฟเดอะแมตช์ของทีมชาติไทย กล่าวถึงการเจอกับอินโดนีเซียและการไม่มี ธีราทร บุญมาทัน ในเกมรอบชิงชนะเลิศนัดแรกว่า อินโดนีเซียเป็นทีมที่มีเกมรุกดี แต่เราต้องเล่นให้ได้ตามแท็คติกที่โค้ชวางเอาไว้ ส่วนการขาดธีราทรนั้นคิดว่าทีมมีสปิริตที่ดีอยู่แล้ว ไม่ว่าใครลงไปเล่นก็สามารถช่วยกันได้ทั้งหมด

สำหรับทีมชาติไทย จะลงเล่นเกมรอบชิงชนะเลิศ พบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย ที่สิงคโปร์ เนชั่นแนล สเตเดียม นัดแรก วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2564 และนัดที่สอง วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2565

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image