อิชิอิ เชื่อช้างศึกยังมีลุ้นเข้ารอบ 18 ทีมสุดท้าย รับไม่กดดันแต่อยากให้พัฒนาระยะยาวมากกว่า
ควันหลงหลังจากที่ “ช้างศึก“ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย พ่ายให้กับ “โสมขาว” เกาหลีใต้ 0-3 ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มซี นัดที่ 4 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 26 มีนาคม
มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า อันดับแรกต้องบอกว่าจากนัดแรกเป็นเกมที่ทีมชาติไทยเล่นด้วยคุณภาพที่มีเต็มที่ ใส่กันไปสุด ทำให้วันนี้เกิดความแตกต่างคือมีอาการล้าด้วยสภาพร่างกาย แผนที่วางไว้คือเน้นเกมรับแต่เกมรุกก็พยายามขึ้นเกมไปตามจังหวะแล้วรักษาบอลไว้ให้ได้ แต่ทำได้ไม่ดีตามที่คาดหวังเอาไว้
“แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บของทั้งธีราทร กับพีรดนย์ มีผลกับแท็คติกเหมือนกัน อย่างไรก็ตามเราไม่ต้องการให้มีผู้เล่นบาดเจ็บ ซึ่งส่วนหนึ่งมันก็มาจากอาการล้าของนักเตะด้วย ส่วนหนักแค่ไหนคงต้องรอให้ทีมแพทย์วิเคราะห์ต่อไป” อิชิอิ กล่าว
กุนซือช้างศึก ยังกล่าวถึง 2 นัดสุดท้ายที่จะต้องลุ้นเข้ารอบต่อไปว่า เรายังมีเวลาในการวางแผนการเล่นก่อนถึง 2 นัดสุดท้าย ที่ผ่านมาเรามีสมาธิแค่กับเกาหลีใต้เท่านั้น อย่างไรก็ตามทั้งสองทีมมีการเปลี่ยนแปลงโค้ช ซึ่งเราจะนำเอาเทปการเล่นใน 2 เกมที่ผ่านมามาวิเคราะห์เพื่อเตรียมพร้อมต่อไป เชื่อว่าทีมชาติไทยยังมีโอกาสในการเข้ารอบอยู่ใน 2 นัดที่เหลือ เพราะอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้
ผู้สื่อข่าวเกาหลีใต้ถามว่ามีวิธีการเตรียมทีมอย่างไรในการต้องเจอกับเกาหลีใต้ที่มีผู้เล่นระดับโลกหลายคน อิชิอิ กล่าวว่า ก็เน้นทำการบ้านจากเอเชี่ยนคัพที่ผ่านมา พยายามหาวิธีการอย่างไรเพื่อจะเอาชนะทีมระดับท็อปแบบนี้ให้ได้
ช่วงท้าย ผู้สื่อข่าวถามว่าจากผลงานที่ดีในช่วงที่ผ่านมาทำให้แฟนบอลเริ่มคาดหวังกับทีมไทยมากขึ้น ส่งผลให้มีความกดดันในการทำงานหรือไม่นั้น อิชิอิ กล่าวว่า จะบอกว่ากดดันก็ไม่ขนาดนั้น แต่เรามีเป้าหมาย ซึ่งก่อนจะไปถึงจุดมุ่งหมายนั้นเรามีงานต้องทำมากมาย ซึ่งเราจะเน้นในเรื่องของการวิเคราะห์เกมต่างๆ ทำให้นักเตะพัฒนามากขึ้นกว่าเดิม โดยเราไม่ได้มองผลแพ้ชนะเป็นเกมต่อเกม แต่จะต้องมองถึงการพัฒนานักเตะในระยะยาวด้วย ต้องทำให้เป็นระบบและมีความต่อเนื่องมากกว่านี้
ทั้งนี้ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย จะกลับมาลงเล่นในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก รอบสอง กลุ่มซี อีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายน โดยจะไปเยือนทีมชาติจีน วันที่ 6 มิถุนายน และกลับมาเล่นในบ้านนัดสุดท้ายกับสิงคโปร์ วันที่ 11 มิถุนายน
