หลังจากที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยเกี่ยวกับโปรแกรมของทีม “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในปีพ.ศ.2561 ว่าหวังให้ทีมชาติไทยได้ลับฝีเท้ากับทีมที่ได้ไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย และเล็งจะจัดฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ในเดือนมีนาคมนั้น
ผู้สื่อข่าวสอบถามความคืบหน้าไปยัง นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นนั้นโมเดลที่วางเอาไว้สำหรับการแข่งขันฟีฟ่าเดย์ในเดือนมีนาคมนั้นจะเป็นการเล่นในประเทศ เนื่องจากว่าฟุตบอลลีกเพิ่งเปิดฤดูกาล จึงไม่อยากให้นักเตะจะต้องมีโปรแกรมที่หนักเกินไปในช่วงต้น ซึ่งการเป็นฟุตบอลคิงส์คัพนั้นจะทำให้ชาติที่มาได้มีโปรแกรม 2 นัดตามฟีฟ่าเดย์
“ตอนนี้ได้เริ่้มประสานงานเอาไว้บ้างแล้ว ต้องรอดูทีมที่ตอบรับมาว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคมนั้นเป็นช่วงที่หลายๆ ชาติเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ดังนั้นอาจจะเป็นช่วงที่ได้ทีมที่ไปเล่นฟุตบอลโลกมาร่วมแข่งขัน”
โฆษกสมาคมฟุตบอลฯ กล่าวต่อว่า ถ้าหากว่าได้ทีมที่ไปเล่นฟุตบอลโลกเดินทางมาอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทย ก็นับเป็นเรื่องที่ดีที่ทีมชาติไทยจะได้พัฒนาฝีเท้า โดยที่ไม่ต้องเดินทางไกลมาก ขณะที่ชาติเหล่านั้นก็จะได้ทดสอบทีม และเหมือนเปิดตัวให้กับคนไทยได้รู้จักทีมเหล่านี้ก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มต้นขึ้น
“จริงๆ หลังจากที่ได้เริ่มประสานงานก็มีหลายๆ ทีมที่ให้ความสนใจ อย่างไรก็ตามต้องรอหัวหน้าผู้ฝึกสอนของแต่ละชาติเป็นผู้ตัดสินใจด้วย และถ้าหากหลังจากการจับสลากแบ่งสายฟุตบอลโลก ในเดือนธันวาคมแล้ว ก็อาจจะเป็นส่วนที่ช่วยทำให้ชาติที่จับสลากไปอยู่กลุ่มเดียวกับทีมจากเอเชีย ตัดสินใจมาเล่นกับทีมชาติไทยได้มากขึ้น”
นายพาทิศ กล่าวปิดท้ายว่า ส่วนการที่การแข่งขันในเดือนมีนาคมจะเป็นคิงส์คัพได้หรือไม่นั้น ก็ยังต้องดูทีมที่จะมาเข้าร่วมการแข่งขันว่ามีทีมที่ตกลงมาแข่งขันกี่ทีม และทีมเหล่านั้นมีศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะจัดเป็นคิงส์คัพหรือไม่ ถ้าหากว่าได้ทีมจากฟุตบอลโลกมาเพียงทีมเดียว ก็อาจจะปรับให้เป็นการแข่งขันฟุตบอลฟีฟ่าเดย์ธรรมดาก็ได้เช่นกัน
