ทัพอินทรีเหล็กของ โยอาคิม เลิฟ เชือด สวีเดน 2-1 ต่ออายุในฟุตบอลโลก 2018 แบบฉิวเฉียดจริงๆ ทำให้ตอนนี้ยังมีโอกาสผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้
โทนี่ โครส มิดฟิลด์ผู้ยิงฟรีคิกเป็นประตูชัยในเกมนี้ กลายเป็นคนกู้ชาติให้ เยอรมนี กลับมาอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์ เป็นหนึ่งในนักเตะ รีล มาดริด ชุดแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน เมื่อเดือนที่แล้ว และนักเตะราชันชุดขาวอีกหลายคน ที่เป็นกำลังสำคัญพาทีมชาติตัวเองทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่รัสเซีย
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงกัปตันทีม โปรตุเกส กดไปแล้ว 4 ประตู พาโปรตุเกสทะยานเข้ารอบ 16 ทีมไปแน่นอนแล้ว มีโอกาสสูงที่จะเป็นดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ โรนัลโด้แบกทีมชาติของเขาอย่างชัดเจน ทุกประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ของทีมฝอยทอง มาจากเขาล้วนๆ น่าคิดว่าถ้าโรนัลโด้หมดอายุในโลกฟุตบอลไปแล้ว โปรตุเกสจะอยู่ตรงจุดไหนในโลกลูกหนัง
โครเอเชียมีจอมทัพสุดมหัศจรรย์อย่าง ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์เชิงสูงที่ค้าแข้งกับราชันชุดขาวมา 7 ปี ยิงประตูใส่ อาร์เจนตินา และสร้างสรรค์โอกาสให้กับทีมได้มากมาย อีกคนในทีมตาหมากรุก คือ มาเตโอ โควาซิซ กองกลางวัย 24 ปีที่อาจจะไม่ได้เป็นตัวหลักของทีมราชันชุดขาว แต่ซึมซับทั้งฝีเท้าและความกระหายในชัยชนะของยอดทีมจากสเปนมาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว โครเอเชียเข้ารอบ 16 ทีมไปก่อนแล้ว เปิดโอกาสให้มิดฟิลด์จากรีล มาดริด คู่นี้สำแดงเดชกันอีกในรอบลึกๆ ได้อีก
มาร์เซโล่ แบ๊กทีมชาติ บราซิล เล่นได้แข็งแกร่ง เกมรับก็เอาอยู่ เกมรุกก็พาบอลบุกแหลก ด้วยประสบการณ์กับรีล มาดริด ที่เต็มไปด้วยความสำเร็จ ผนวกกับความผิดหวังในฟุตบอลโลก 2014 ในบ้านตัวเอง ที่เขาอยู่ในเหตุโศกนาฏกรรม ที่เยอรมนียำใหญ่บราซิล 7-1 ทำให้เขาต้องคอยบอกตัวเองและรุ่นน้องว่าไม่ว่าจะเจอใคร หรือที่ไหน การไม่ประมาทเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทีมเสมอ คาเซมิโร่ กองกลางที่เคยเป็นนักเตะโนเนมในรีล มาดริด เบ ก็พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นกำลังสำคัญไปทันที แถมยังได้รับโอกาสจาก ติเต้ กุนซือบราซิลให้ลงเล่นเป็นตัวจริงตั้งแต่เกมแรกด้วย ทั้งๆ ที่มีรุ่นพี่ขวางอยู่หลายคนก็ตาม
ทีมชาติ สเปน อัดแน่นไปด้วยนักเตะรีล มาดริด นาโช่ เฟร์นานเดซ, ดานี่ คาบาฆาล, เซร์คิโอ รามอส, ลูคัส บาซเกซ, อิสโก้, มาร์โก้ อเซนซิโอ ถึงแม้ว่าสเปนชุดนี้ ผลงานยังไม่น่าจับตามองนัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ารามอส กัปตันทีมกระทิงดุคอยดูแลน้องๆ ในที่เสียขวัญจากการสหพันธ์ฟุตบอลกระทิงดุปลด ยูเลน โลเปเตกี จากตำแหน่งก่อนฟุตบอลโลกเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะไปรับงานคุมทัพรีล มาดริดล่วงหน้า ตอนนั้นคาดการณ์กันว่า สเปนอาจจะซ้ำรอย 4 ปีที่แล้ว คือ ตกรอบแรก แต่ ณ นาทีนี้พวกเขายังอยู่ในเส้นทางการเข้ารอบต่อไป
รีล มาดริดในยุคเหมาแชมป์ยุโรป 3 สมัยซ้อน เป็นผลผลิตจาก ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเป็นนักเตะ ได้มาแล้วทุกแชมป์เท่าที่ตำนานคนหนึ่งควรจะได้ ทำให้รู้วิธีการรีดศักยภาพของนักเตะในคอนโทรล ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลซื้อตัวเหมือนเฮดโค้ชคนอื่นๆ และใส่ความใจสู้ ไม่ยอมแพ้เข้าไปในหัว ถึงแม้ในลาลีก้า สเปน จะไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ แต่เกมใหญ่อย่างแชมเปี้ยนส์ลีก, ฟุตบอลสโมสรโลก รีล มาดริดในวันที่มีซีดานคุมอยู่ข้างสนาม พลาดยากจริงๆ
ความสำเร็จในแชมเปี้ยนส์ลีก ไม่ได้ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์สโมสรเท่านั้น ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักเตะในทีมว่า ไม่ว่าจะเล่นอยู่กับทีมชาติหรือสโมสรก็ยังคงเป็นความหวังในวันที่ทีมตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากได้ อาจจะไม่ใช่แค่ฟุตบอลโลก 2018 ที่เห็นภาพชัด แกเร็ธ เบล ที่แบกทีมชาติ เวลส์ ในยูโร 2016 และพาทีมบินสูงก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง
ในบรรดานักเตะที่เคยเป็นทั้งแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และแชมป์โลกในปีเดียวกันมีอยู่ไม่กี่ครั้ง **เซ็ปป์ ไมเออร์, พอล ไบรท์เนอร์, ฮานส์-จอร์จ ชวาร์เซนเบ็ก, ฟร้านซ์ เบ๊คเค่นเบาเออร์, แกร์ด มุลเลอร์, อูลี่ เฮอร์เนส** แชมป์บอลถ้วยใหญ่ของยุโรปกับ บาเยิร์น มิวนิก และแชมป์โลก 1974 กับ เยอรมันตะวันตก คริสซิยอง การอมเบอ แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 1998 กับรีล มาดริด และแชมป์โลก 1998 กับทีมชาติ ฝรั่งเศส โรแบร์โต้ คาร์ลอส แชมป์โลกปี 2002 กับทีมชาติบราซิล และแชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2002 กับรีล มาดริด
น่าสังเกตว่า นักเตะที่จะทำแบบนั้นได้ ถ้าไม่เป็นแข้งรีล มาดริด ก็ต้องเป็นทีมชาติเยอรมนีอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งโทนี่ โครส มีทั้งสองอย่าง