เปรูปิดฉากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย กลุ่มซี ที่ฟิตช์ สเตเดียม เมืองโซชิ ประเทศรัสเซีย วันที่ 26 มิถุนายน ด้วยชัยชนะเหนือ “ซอคเกอร์รูส์” ออสเตรเลีย 2-0 กอดคอกันตกรอบ
โดยก่อนการแข่งขันนัดนี้ ออสเตรเลียหากหวังจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ต้องเอาชนะเปรูซึ่งตกรอบไปแล้วให้ได้ในนัดนี้ แล้วไปลุ้นให้เดนมาร์กแพ้ฝรั่งเศสในการแข่งขันนัดสุดท้ายอีกคู่หนึ่งที่แข่งขันเวลาเดียวกัน
ปรากฏว่า ทิม เคฮิลล์ ยอดแข้งจอมเก๋าที่มีชื่อติดทีมมาด้วยในบอลโลกหนนี้ ยังคงไม่มีชื่อลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับแดนจริงโจ้ ขณะที่แอนดรูว์ แน็บเบาต์ กองหน้าซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ ไม่มีชื่อลงสนาม
รายชื่อ 11 ตัวจริง ออสเตรเลีย : ผู้รักษาประตู แมทธิว ไรอัน / กองหลัง โจชัว ริสดอน, เทรนต์ แซนส์เบอรี่, มาร์ก มิลิแกน, อาซิซ เบฮิช / กองกลาง ไมล์ เยดินัก (กัปตันทีม), แอรอน มอย, ทอม โรยิช, ร็อบบี้ ครูส / กองหน้า แมทธิว เลคกี้, โทมี่ จูริช
รายชื่อ 11 ตัวจริง อิหร่าน : ผู้รักษาประตู เปรโด กัลเลส / กองหลัง ลุยส์ อัดวินคูล่า, อันเดร์ซอน ซานตามาเรีย, คริสเตียน รามอส, มิเกล ตราอูโค่ / กองกลางตัวรับ เรนาโต้ ตาเปีย, โยชิมาร์ โยตุน / กองกลางตัวรุก อันเดร การ์รินโญ่, คริสเตียน กูเอว่า, เอดิซอน ฟลอเรส / กองหน้า เปาโล เกร์เรโร่ (กัปตันทีม)
ช่วงต้นเกม เปรูเน้นการต่อบอลในแดนกลาง ขณะที่ออสเตรเลียซึ่งหวังชัยชนะเปิดเกมบุก และทำเกมขึ้นไปในแดนของคู่ต่อสู้ได้มากกว่า เกมเริ่มต้นได้เพียง 10 นาที ไมล์ เยดินัก กัปตันทีมแดนจิงโจ้ก็รับใบเหลืองแรกของเกมจากจังหวะยกขาสูงหวังเกี่ยวบอล แต่ไปโดนหัวไหล่ของคริสเตียน กูเอว่า กองกลางเปรูเต็มๆ
หลังจากนั้น เปรูเริ่มทำเกมบุกได้มากขึ้น จนได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 18 จากจังหวะเปิดบอลยาวในแดนตัวเอง และกัปตันทีม เปาโล เกร์เรโร่ สปีดเข้าไปรับลูกก่อนเปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษ อันเดร การ์รินโญ่ วอลเลย์แบบไม่จับลูกพุ่งเข้าทางเสาไกลอย่างสวยงาม เปรูทำประตูแรกของทัวร์นาเมนต์ขึ้นนำออสเตรเลีย 1-0
นาที 23 ออสเตรเลียได้โอกาสลุ้นทำประตูตีเสมอ ทอม โรยิช กองกลางตัวรุกอาศัยความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงฝ่ากองหลังเปรู 3-4 คน เข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนสับไกยิง แต่ลูกไปตรงตัวนายทวาร เปโดร กัลเลส
นาที 34 ทีมแดนจิงโจ้หวิดได้ประตูอีกครั้ง เมื่อร็อบบี้ ครูส ปาดบอลเข้ากลางให้แมทธิว เลคกี้ พุ่งเข้าชาร์จ แต่อันเดร์ซอน ซานตามาเรีย กองหลังเปรูสไลด์ตัวสกัดลูกออกหลังไปได้ก่อนหน้าเลคกี้จะเข้าถึงบอล
หลังจากนั้นสองฝ่ายทำอะไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรก เปรูนำออสเตรเลีย 1-0
เริ่มครึ่งหลังได้เพียง 5 นาที เปรูก็นำห่างเป็น 2-0 เมื่อกูเอว่าพยายามสับไกยิงในกรอบเขตโทษ ลูกไปแฉลบผู้เล่นออสเตรเลีย ไปเข้าทางเปาโล เกร์เรโร่ กองหน้ากัปตันทีมชาติเปรูซึ่งวอลเลย์เข้าไป
นาที 53 เบิร์ต ฟาน มาร์ไวก์ กุนซือชาวดัตช์ของทีมจิงโจ้ ตัดสินใจทิ้งไพ่ตาย ส่งทิม เคฮิลล์ ดาวยิงตัวเก๋าของทีมลงสนามแทนโทมี่ จูริช และหลังจากนั้นอีก 5 นาที ก็ส่งดาเนียล อาร์ซานี่ แข้งวัย 19 ปีซึ่งอายุน้อยที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ ลงเล่นแทน ร็อบบี้ ครูส
นาที 60 เคฮิลล์ได้จังหวะสับไกในกรอบเขตโทษ แต่กองหลังเปรูพุ่งเข้าบล็อกลูกเอาไว้ได้หวุดหวิด
นาที 68 อาร์ซานี่ลองยิงไกลลูกพุ่งแฉลบคานออกหลังไป
นาที 70 ทิม เคฮิลล์ พยายามเปิดบอลจากฝั่งขวา ลูกโดนกองหลังเปรูเกือบแฉลบเข้าประตู
นาที 83 ออสเตรเลียได้ลูกฟรีคิกระยะประมาณ 30 หลา ไมล์ เยดินัก กัปตันทีมจิงโจ้ซัดบอลข้ามคานแบบไม่มีลุ้น
จบเกม เปรตูเอาชนะออสเตรเลีย 3-0 เก็บชัยชนะแรกของทีมหลังจากแพ้มาใน 2 นัดแรก ทำให้ปิดฉากฟุตบอลโลก 2018 ในอันดับ 3 ของกลุ่มซี ขณะที่ออสเตรเลียแข่ง 3 นัด เสมอ 1 แพ้ 2 มีเพียงแต้มเดียว จบบ๊วยของกลุ่ม ส่วนแชมป์กลุ่มเป็นฝรั่งเศส มี 7 คะแนน หลังจากเสมอกับเดนมาร์ก 0-0 ในนัดสุดท้าย และเดนมาร์กเป็นอันดับ 2 มี 5 คะแนน เข้ารอบตามฝรั่งเศสไป
