“จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ขยับเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกมากขึ้นเรื่อยๆ หลังบุกคว้าชัยเหนือซันเดอร์แลนด์ 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก ที่สเตเดียม ออฟ ไลต์ เมื่อวันที่ 10 เมษายน
เกมนี้ เจมี่ วาร์ดี้ ดาวยิงชาวอังกฤษซึ่งยิงไม่ได้มา 6 นัด เหมาทำคนเดียว 2 ประตู ในนาทีที่ 66 จากการเปิดบอลของแดนนี่ ดริงก์วอเตอร์ และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในนาทีที่ 90+4 วาร์ดี้เบียดชนะปาทริก ฟาน อานโฮลต์ ก่อนสปีดไล่บอลแตะหนีวิโต้ มานโนเน่ นายทวารซันเดอร์แลนด์ แล้วเข้าไปเคาะบอลใส่ประตูโล่งๆ ย้ำชัยให้ทีม ขณะที่ผู้เล่นแมวดำมีโอกาสยิงประตูหลายครั้งในนัดนี้แต่กลับพลาดเป้าไม่ก็ติดเซฟไปหมด
เคลาดิโอ รานิเอรี่ ผู้จัดการทีมเลสเตอร์ ซิตี้ กล่าวว่า ตอนนี้แฟนๆ ของจิ้งจอกสยามย่อมฝันถึงตำแหน่งแชมป์กันแล้ว แต่นักเตะและสต๊าฟโค้ชจะต้องมีสมาธิ ก้าวไปข้างหน้าอย่างหนักแน่น มั่นคง และไม่ร้อนรนใดๆ เพราะทุกเกมย่อมมีจุดอ่อนและความผิดพลาด เช่นเกมในวันนี้ซึ่งต้องศึกษาข้อผิดพลาดเพื่อแก้ไขต่อไป
ด้านท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เปิดรังไวท์ ฮาร์ท เลน ถล่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 โดยได้ 3 ประตูในช่วงเวลาเพียง 6 นาทีของครึ่งหลัง เริ่มจากเดเล่ อัลลี่ นาทีที่ 70, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ นาที 74 และเอริก ลาเมล่า นาทีที่ 76
นับเป็นชัยชนะแรกของสเปอร์สเหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไวท์ ฮาร์ท เลน นับตั้งแต่ปี 2001 ขณะที่เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือไก่เดือยทองก็เพิ่งเก็บชัยชนะเหนือปีศาจแดงได้ครั้งแรกหลังจากทำไม่สำเร็จมา 6 นัดก่อนหน้านี้
ภายหลังการแข่งขัน โปเช็ตติโน่กล่าวชื่นชมลูกทีมว่า เล่นได้สมบูรณ์แบบมาก สมควรเป็นผู้ชนะในนัดนี้ และถึงจะตามเลสเตอร์ถึง 7 คะแนน ก็ต้องไม่ท้อและสู้ต่อไปด้วยความเชื่อมั่น
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ระยะห่างระหว่างเลสเตอร์กับสเปอร์สยังอยู่ที่ 7 คะแนน โดยเลสเตอร์มี 72 คะแนน จาก 33 นัด ส่วนสเปอร์สมี 65 คะแนน ถ้าจิ้งจอกสยามเก็บชัยชนะได้ 3 จาก 5 นัดที่เหลือ ก็จะการันตีตำแหน่งแชมป์ทันที นอกจากนี้ การที่ปีศาจแดงพ่ายแพ้ยังหมายถึงการการันตีสิทธิร่วมแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้าของเลสเตอร์อีกด้วย
ผลอีกคู่วันเดียวกัน
ลิเวอร์พูล ชนะ สโต๊ก ซิตี้ 4-1