การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 กลุ่มดี นัดสุดท้าย คู่ระหว่าง “ยักษ์น้ำแข็ง” ไอซ์แลนด์ ลงสนามพบ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย ที่รอสตอฟ อารีน่า เมืองรอสตอฟ-ออน-ดอน ประเทศรัสเซีย เมื่อคืนวันที่ 26 มิถุนายน
เกมนี้ โครเอเชียซึ่งเข้ารอบแน่นอนแล้ว เปลี่ยนผู้เล่นแทบจะทุกตำแหน่ง เหลือเพียงกัปตันทีม ลูก้า โมดริช คอยบัญชาการในแดนกลาง ขณะที่ไอซ์แลนด์ซึ่งหวังชัยชนะเพื่อตามทีมตาหมากรุกเข้ารอบ จัดเต็มทุกตำแหน่ง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงไอซ์แลนด์ ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู ฮานเนส ธอร์ ฮัลดอร์สสัน, กองหลัง เบียร์เกียร์ มาร์ แซวาร์สสัน, สเวอร์เรียร์ อินกี้ อินกาสัน, รักนาร์ ซิกูร์ดส์สัน, โฮดูร์ บียอร์กวิน มักนุสสัน, กองกลาง อารอน เอนาร์ กุนนาร์สสัน, เอมิล ฮัลเฟรดส์สัน, กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน, โยฮันน์ กุ๊ดมุนด์สัน, เบียร์เกียร์ บียาร์นาสัน และกองหน้า อัลเฟรด ฟินน์โบกาสัน
ขณะที่ 11 ผู้เล่นตัวจริงโครเอเชีย ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู ลอฟเร่ คาลินิช, กองหลัง เวดราน คอร์ลูก้า, ดูเย่ ชาเลต้า ซาร์, ติน เจดวาย, โยซิป ปิวาริช, กองกลาง ลูก้า โมดริช, มิลาน บาเดลี่, มาเตโอ โควาชิช, อีวาน เปริซิช, มาร์โก้ เพียซ่า และกองหน้า อันเดร ครามาริช
เริ่มเกม โครเอเชียเน้นการครองบอลในแดนกลาง ต่อบอลสั้นค่อยๆ ทำเกม ขณะที่ไอซ์แลนด์ยืนคุมเชิงเน้นตั้งรับรอจังหวะสวนกลับ
นาทีที่ 11 อัลเฟรด ฟินน์โบกาสัน ได้บอลทางฝั่งขวา พยายามสปีดขึ้นหน้าก่อนปาดบอลเข้ากลางให้ บียาร์นาสัน ที่เข้าไปรอในพื้นที่ว่างในเขตโทษ แต่กองหลังโครแอตเข้ามาบล็อกไว้ได้ทัน
นาทีถัดมา บียาร์นาสัน กองกลางจากแอสตัน วิลล่า พยายามเข้าแย่งบอลจากมาร์โก้ เพียซ่า กองหน้าโครเอเชียทางด้านหลัง และโดนศอกของเพียซ่าเข้าบริเวณใบหน้า เลือดกำเดาไหลไม่หยุดต้องปฐมพยาบาลอยู่นาน กรรมการแจกใบเหลืองให้เพียซ่า ส่วนบียาร์นาสันแม้จะเล่นต่อไปได้ แต่ต้องออกไปห้ามเลือดเป็นระยะๆ
นาที 28 ไอซ์แลนด์ได้โอกาสหวาดเสียวครั้งแรก เมื่อมักนุสสันขึ้นโขกลูกเตะมุม แต่บอลลอยออกหลังไปแบบไม่มีลุ้น
นาที 31 กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน กองกลางชื่อดังจากเอฟเวอร์ตัน ได้โอกาสปั่นฟรีคิกนอกเขตโทษทางฝั่งซ้าย บอลลอยข้ามกำแพงไปทางประตู แต่ลอฟเร่ คาลินิช นายทวารโครเอเชียบินรับเอาไว้ได้
ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เกมเริ่มเปิดมากขึ้น นาทีที่ 40 ไอซ์แลนด์ได้โอกาสทำประตูขึ้นนำที่ใกล้เคียงที่สุด เมื่อฟินน์โบกาสันทำชิ่งกับซิกูร์ดส์สัน ก่อนไปจบที่ฟินน์โบกาสันสับไกยิงด้วยเท้าขวา แต่บอลพุ่งถากเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 44 เอมิล อัลเฟรดส์สัน กองกลางไอซ์แลนด์ทดลองยิงไกล ลูกข้ามคานออกไป
นาทีถัดมา ไอซ์แลนด์ได้ลูกเตะมุม คาลินิช นายทวารโครเอเชียทุบบอลออกมาเข้าทางบียาร์นาสันซึ่งซัดเข้าไป แต่คาลินิชยังปฏิกิริยาไว ใช้ขาเซฟเอาไว้ได้
ช่วงทดเจ็บนาที 45+2 อารอน เอนาร์ กุนนาร์สสัน กองกลางไอซ์แลนด์ หวดลูกจากบริเวณกรอบเขตโทษ ลูกไซด์โค้งเข้าหาประตู แต่คาลินิชโชว์ซุปเปอร์เซฟบินปัดเอาไว้ได
จบครึ่งแรก สองทีมเสมอกัน 0-0
เข้าครึ่งหลังเป็นฝ่ายโครเอเชียที่ได้ลุ้นประตูขึ้นนำ ในนาทีที่ 50 จากจังหวะยิงไกลนอกเขตโทษของมิลาน บาเดลี่ ลูกแฉลบผู้เล่นไอซ์แลนด์ก่อนชนคานออกหลังไป
นาที 53 โครเอเชียได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากบาเดลี่ซึ่งเข้าไปวอลเลย์ลูกที่นักเตะไอซ์แลนด์สกัดมาเข้าทางในกรอบเขตโทษระยะประมาณ 10 หลา
หลังจากเสียประตู แข้งยักษ์น้ำแข็งก็โหมบุกหนักหวังตีเสมอ นาที 55-56 สเวอร์เรียร์ อินกี้ อินกาสัน กองหลังไอซ์แลนด์ได้โอกาสขึ้นโหม่งในกรอบเขตโทษ 2 ครั้ง ลูกแรกไปติดเซฟของคาลินิช ส่วนลูกที่สองชนคานออกไป
นาที 73 ไอซ์แลนด์ได้โอกาสงามๆ อีกครั้ง ฟินน์โบกาสันได้บอลทางฝั่งขวา ก่อนปาดบอลให้บียาร์นาสันทางฝั่งซ้าย แต่บียาร์นาสันหวดลูกไม่เต็มเท้า บอลพุ่งออกข้างเสาไป
นาที 76 ยักษ์น้ำแข็งตีเสมอได้สำเร็จ หลังจากเดยัน ลอฟเรน กองหลังโครเอเชียซึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังไปทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ ซิกูร์ดส์สันรับหน้าที่สังหารเข้าไป สองทีมเสมอกัน 1-1
นาที 85 โครเอเชียได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งขวา อีวาน เปริซิช ปั่นโค้งข้ามคานออกไป และอีก 3 นาทีถัดมา อีวาน ราคิติช รับหน้าที่เตะฟรีคิกบ้าง ลูกลอยข้ามคานออกไปเช่นกัน
นาที 90 โครเอเชียได้ประตูชัยจากเปริซิชหลังจากได้บอลทางฝั่งซ้ายของเขตโทษ และซัดบอลด้วยซ้ายแสกหน้านายทวารไอซ์แลนด์เข้าไป จบเกมโครเอเชียชนะ 2-1
ทีมตาหมากรุกลอยลำเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มดี มี 9 คะแนนเต็ม จากชัยชนะ 3 นัดรวด เข้าไปเจอกับเดนมาร์ก รองแชมป์กลุ่มซี ส่วนไอซ์แลนด์ตกรอบ มี 2 คะแนน จากผลเสมอ 2 แพ้ 1