การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย ประจำวันที่ 2 กรกฎาคม เป็นการแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม แชมป กลุ่มจี พบกับ “ซามูไรบลู” ญี่ปุ่น รองแชมป์กลุ่มเอช ที่รอสตอฟ อารีนา เมืองรอสตอฟ ออน-ดอน ในเวลา 01.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่องททบ.5
เบลเยียม เป็นหนึ่งใน 3 ทีมที่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายมาด้วยผลงานเพอร์เฟคต์ ชนะรวด 3 เกม เก็บ 9 คะแนนเต็ม โดยเกมแรกเอาชนะน้องใหม่ ปานามา 3-0 ก่อนจะถล่มตูนิเซีย 5-2 และปิดท้ายด้วยการเฉือนชนะ “สิงโตคำราม” อังกฤษ 1-0
ส่วนทางด้านญี่ปุ่น เป็นทีมแรกที่ต้องใช้กฎแฟร์เพลย์ในการตัดสินทีมเข้ารอบ หลังจากเก็บไป 4 แต้มจากผลงานชนะโคลอมเบีย 2-1 เสมอเซเนกัล 2-2 และแพ้โปแลนด์ 0-1 มี 4 แต้มและประตูได้เสียเท่าเซเนกัล แต่ได้ใบเหลืองน้อยกว่าจึงเป็นฝ่ายที่เข้ารอบมา
ทีมซามูไรบลูเคยเจอกับเบลเยียมในเกมทางการมาแล้ว 5 ครั้ง และเป็นฝ่ายที่ทำผลงานได้ดีกว่าคือ ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ไปเพียงครั้งเดียว เพียงแต่ความพ่ายแพ้นั้นเกิดขึ้นเมื่อครั้งล่าสุดที่ทั้งสองทีมเจอกันในเกมอุ่นเครื่องเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเบลเยียมชนะไป 1-0 ส่วนครั้งเดียวที่ทั้งสองทีมเจอกันในฟุตบอลโลกคือปี 2002 จบลงด้วยการเสมอกันไป 2-2
โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือเบลเยียมมีทีมที่สมบูรณ์ที่สุดนับตั้งแต่มารัสเซีย ได้ แว็งซอง ก็อมปานี และโธมัส แฟร์มาเลน กลับมาลงเล่นได้ ส่วนแนวรุก โรเมลู ลูกากู ที่พักในเกมที่ผ่านมา จะได้กลับมาเป็นตัวจริงเช่นกัน
ฝั่งญี่ปุ่น อาจจะมีปัญหาที่ชินจิ โอกาซากิ ซึ่งบาดเจ็บอีกครั้งในเกมกับโปแลนด์ ทำให้ยูยะ โอซาโกะ จะได้กลับมาเป็นตัวจริง รวมถึงชินจิ คากาวะ ที่พักในเกมก่อนน่าจะกลับสู่ทีมเช่นกัน
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เบลเยียม (3-4-3) : ผู้รักษาประตู ธิโบต์ กูร์ตัวส์ / กองหลัง แยน แฟร์ตองเก้น,แว็งซอง ก็อมปานี, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ / วิงแบ๊กซ้าย ยานนิค การ์ราสโก้ / วิงแบ๊กขวา โธมัส มูนิเย่ร์ / กองกลาง เควิน เดอ บรอยน์, อักเซล วิตเซล / กองหน้า ดรีส เมอร์เทนส์, โรเมลู ลูกากู, เอเด็น อาซาร์
ญี่ปุ่น (4-2-3-1) : ผู้รักษาประตู เอจิ คาวาชิมะ / กองหลัง (ขวาไปซ้าย) ฮิโรกิ ซาคาอิ, มายะ โยชิดะ, เกน โชจิ, ยูโตะ นากาโตโมะ / กองกลางตัวรับ กาคุ ชิบาซากิ, มาโคโตะ ฮาเซเบะ (กัปตันทีม) / กองกลางตัวรุก เกนคิ ฮารากุจิ, ชินจิ คากาวะ, ทาคาชิ อินุอิ / กองหน้า ยูยะ โอซาโกะ
