พล.ท.สมควร วงษ์เวียงจันทร์ เลขาธิการสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ทีมว่ายน้ำเยาวชนไทยสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันว่ายน้ำเยาวชนชิงแชมป์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “ซีเอจกรุ๊ป 2018” ที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยได้อันดับ 2 ของอาเซียน ทำได้ 21 เหรียญทอง 22 เหรียญเงิน 18 เหรียญทองแดง เป็นรองเพียงเวียดนาม จากเหรียญทองที่ไทยได้นั้นก็มากจากนักว่ายน้ำกลุ่ม 3 เป็นหลักโดยเฉพาะ “เงือกเนย” กมลชนก ขวัญเมือง ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมลงแข่งขัน 8 รายการ คว้าเหรียญทองทั้ง 8 รายการ และยังทำลายสถิติกลุ่ม 3 ประเทศไทย 4 รายการคือ ฟรีสไตล์ 200, 400 และ 800 เมตร กับ เดี่ยวผสม 200 เมตร และทำลายสถิติซีเอจ 5 รายการ คือ ฟรีสไตล์ 200, 400 เมตร เดี่ยวผสม 200, 400 เมตร และ ผีเสื้อ 200 เมตร รวมทั้งได้รางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมอีกด้วย ทำให้สมาคมเล็งเห็นแล้วว่ากมลชนกมีศักยภาพที่ควรจะต่อยอดโดยใช้ทุนของสมาคมกีฬาว่ายน้ำฯในการส่งไปเก็บตัวยังต่างประเทศและให้เรียนที่ต่างประเทศจนจบปริญญาตรี แต่ทั้งนี้ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองและสโมสรก่อนว่าจะยอมรับนโยบายในครั้งนี้หรือไม่ ส่วนนักกีฬาคนอื่นๆก็ต้องขอขอบคุณที่ทำผลงานดีเพื่อประเทศไทยและยังมีอีกบางคนที่ผมได้เล็งไว้ว่าจะให้ทุนไปศึกษาที่ต่างประเทศแต่ขอดูผลงานระยะยาวก่อน
“การที่สมาคมจะให้ทุนนักกีฬาไปศึกษาต่างประเทศจนจบปริญญาตรีนั้น ก็จะดูจากนักกีฬาที่มีความสามารถเหมาะสมกับการพัฒนาต่อยอดได้ และต้องมาทำสัญญาว่าหากได้รับทุนนี้แล้วจะต้องทำผลงานให้กับทีมชาติไทยให้ดีมีเหรียญทองตามรายการต่างๆ ที่ประเมินแล้วว่าควรได้เหรียญทอง แต่การรับทุนนั้นก็ต้องอยู่ที่ความยินยอมจากผู้ปกครองว่ารับข้อเสนอและสัญญาของสมาคมได้หรือไม่” พล.ท.สมควร กล่าว
สำหรับศึกซีเอจครั้งที่ผ่านมา ไทยจบอันดับ 2 เวียดนามเป็นแชมป์ ทำได้ 58 เหรียญทอง 39 เหรียญเงิน 22 เหรียญทองแดง ส่วนอันดับ 3 เป็นของอินโดนีเซีย ทำได้ 12 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 25 เหรียญทองแดง อันดับ 4 สิงคโปร์ ทำได้ 7 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 15 เหรียญทองแดง อันดับ 5 ฟิลิปปินส์ ทำได้ 4 เหรียญทอง 10 เหรียญเงิน 16 เหรียญทองแดง และ อันดับ 6 มาเลเซีย ทำได้ 3 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน 10 เหรียญทองแดง โดยครั้งต่อไปประเทศกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพ
