แข้งกิเลนผยอง’อาทิตย์’ให้ปากคำตำรวจแล้ว-ปฏิเสธพรากผู้เยาว์-ยอมรับไม่มีกำลังใจเล่นฟุตบอล

เมื่อวันที่ 26 เมษายน “แบ๊ก” อาทิตย์ ดาวสว่าง กองหลังทีม “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด พร้อมด้วย นายธงชัย พรเศรษฐ์ ทนายความ เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรคลองข่อย ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาพรากผู้เยาว์ กับ พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรคลองข่อย ตามหมายเรียกครั้งที่ 2

นายธงชัย พรเศรษฐ์ ทนายความของ อาทิตย์ เปิดเผยว่า เคารพสิทธิของผู้เสียหายและก็เห็นใจมารดาของเด็ก และก็เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพยายามจะคลี่คลายเหตุการณ์นี้ให้ดีที่สุด ต้องมีกฎหมายที่ต้องรับผิดชอบ ทางตนเองและสำนักทนายความจะดำเนินการให้ถูกต้องต่อไป ครั้งนี้เป็นข้อหาที่หนักพอสมควรในระดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นอาจจะต้องให้โอกาส อาทิตย์ ไปค้นหาพยานหลักฐานบางสิ่งบางอย่างเพื่อประกอบข้อเท็จจริง ไม่ใช้คำว่าข้อต่อสู้ ประกอบข้อเท็จจริงให้พนักงานสอบสวนหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจเรื่องนี้โดยตลอด

“ในฐานะที่เป็นทนายความของ อาทิตย์ ก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนสองคน เพราะฉะนั้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้มันก็เสียหายเยอะกันทั้งสองฝ่าย โดยฉพาะอาทิตย์เป็นฝ่ายชายสังคมไทยคงยอมไม่ได้ที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ในฐานะทนายความก็ดีหรือตัวอาทิตย์เองก็ดีต่างเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าอะไรที่เราสามารถทำเหตุการณ์มันดีขึ้น เพื่อเยียวยาสิ่งที่เกิดขึ้น ในส่วนของอาทิตย์เอง ต้นสังกัดก็ได้ลงโทษไปมากพอสมควรแล้ว ต้องขออนุญาตเรียนว่าคงจะมาพบตามหมายทุกครั้ง และก็หลังจากได้รับข้อบันทึกแล้วก็จะไปดูข้อเท็จจริงทั้งหมด ว่าสิ่งที่ต้องประมวลผลข้อเท็จจริงมีอะไรบ้าง เพื่อให้เรื่องนี้กระจ่างขึ้นมา เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย ไม่ใช่เพื่อโทษของฝ่ายใด”

ขณะที่ “แบ๊ก” อาทิตย์ ดาวสว่าง เปิดเผยด้วยท่าทีเคร่งเครียดว่า “สิ่งที่ทำไปคือบทเรียนไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกครั้งครับ ผมสำนึกผิดจริงๆ ครับ ตอนนี้ก็แน่นอนครับว่ามีผลกระทบต่อทีมชาติรวมถึงสโมสร แต่ว่าแม่ก็พยายามให้กำลังใจตลอดรวมถึงผู้ใหญ่ครับ”

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีกำลังใจจะลงเล่นฟุตบอลหรือไม่ อาทิตย์ ตอบว่า “ตอนนี้ก็คงยังครับ”

ขณะที่ พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย เปิดเผยว่า หลังจากมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จากนี้จะมีขั้นตอนคือการนัดวันให้เข้ามาพบเพิ่มเติม โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะต้องดำเนินการสืบค้นหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านของเจ้าตัว ซึ่งคดีนี้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 โทษจำคุก 2-10 ปี ถือเป็นโทษสถานหนัก แม้ทั้งสองฝ่ายจะไกล่เกลี่ยกันได้ แต่คดีก็จะยังคงดำเนินต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image