สกู๊ปพิเศษ : ‘วิว’ เยาวภา บุรพลชัย จากจอมเตะฮีโร่ ‘โอลิมปิก’ สู่เส้นทางสาย ‘การเมือง’

อย่างที่หลายคนรู้กันดีว่าไทม์ไลน์ของประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งที่ประชาชนรอคอยเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า (พ.ศ.2562) หลายๆ พรรคต่างเริ่มเปิดโฉมหน้าของนักการเมืองที่จะเข้ามาร่วมฟาดฟันเพื่อเป็นผู้นำของประเทศกันแล้ว

และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เราได้เห็นคนในวงการกีฬาเข้ามามีส่วนร่วมกับวงการการเมืองอีกครั้งนั่นก็คือ “วิว” เยาวภา บุรพลชัย อดีตจอมเตะสาว เจ้าของเหรียญทองแดงใน โอลิมปิกเกมส์ 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ

นับว่าเป็นครั้งที่สองแล้วที่เจ้าตัวลงสู่สนามการเมือง หลังจากที่การเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ.2554 อดีตจอมเตะสาวได้ลงสมัครเลือกตั้งให้กับ พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ภายใต้การนำของ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำ พรรคชาติพัฒนา เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ

Advertisement

แต่ทว่าครั้งนั้นเจ้าตัวไม่ประสบความสำเร็จ สอบตกโดยได้เพียงอันดับที่ 5 ของเขตเท่านั้น

อย่างไรก็ตามด้วยเวลาที่ล่วงเลยไป จนมาถึงในตอนนี้ วิว เข้าสู่วัยเลข 3 กับประสบการณ์ชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น ตอนนี้เยาวภาได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองโฆษกพรรคชาติพัฒนา เพื่อเตรียมลงเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้

ดังนั้นทีมข่าวกีฬามติชนจึงไม่รอช้าที่จะพาอดีตฮีโร่เหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ มาเปิดใจว่าการกลับมาสู่สนามการเมืองในครั้งนี้

Advertisement

อดีตจอมเตะสาวทีมชาติไทย เริ่มต้นเปิดฉากว่า ส่วนตัวนั้นเป็นคนที่สนใจในเรื่องการเมืองอยู่เป็นทุนเดิม เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องของทุกๆ คนในประเทศไทย และอยากจะพิสูจน์ว่าคนธรรมดา ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางการเมือง หรือว่ามีครอบครัวที่มาจากนักการเมือง หรือว่าอยู่กลุ่มอำนาจใดๆ ก็สามารถที่จะเข้ามาทำงานเพื่อสังคมและลงมาเล่นการเมืองได้เช่นกัน

“เรื่องของการเมืองในประเทศมันควรจะเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนนั้นสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกันได้ ที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีๆ ในการพัฒนาประเทศ เราเองก็มีความคิดที่อยากจะพัฒนาคน เพราะจากการเป็นนักกีฬามาก็จะรู้ว่าการพัฒนาคนเป็นสิ่งสำคัญ การทำให้คนมีคุณภาพก็จะพัฒนาประเทศได้เช่นกัน”

อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า 4 ปีที่แล้วเยาวภาสอบตกแบบไม่ได้ลุ้นอะไร ซึ่งเจ้าตัวเองก็ยอมรับว่าการลงเลือกตั้งเมื่อครั้งนั้น ยังถือว่าอายุน้อยและก็ยังไม่ได้มีประสบการณ์ในด้านนี้ และยังเอามาเปรียบเทียบกับการเล่นกีฬา ที่ไม่ใช่ว่าลงสนามครั้งแรกแล้วจะสามารถประสบความสำเร็จได้แบบทันที เพราะไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องเจอกับฟีดแบ๊กที่ดีและไม่ดีอยู๋แล้ว อย่างไรก็ตามความตั้งใจนั้นคือสิ่งสำคัญที่คิดว่าถ้าตั้งใจทำมันออกมาอย่างต่อเนื่องก็จะมีคนเห็นความตั้งใจของตัวเองเช่นกัน

เยาวภาเล่าว่า 4 ปีที่ผ่านมาได้พยายามศึกษาข่าวสารต่างๆ พยายามวิเคราะห์เรื่องของการเมือง ซึ่งความรู้นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องอาศัยเวลาในการสั่งสมความรู้ ต้องรู้จักช่างสังเกต รวมไปถึงการเอาความจริงใจมาใช้ในการทำงาน เพราะเชื่อว่าการมีความจริงใจเป็นที่ตั้ง จะสามารทำให้ประชาชนนั้นเห็นถึงความตั้งใจ และจจะทำให้สามารถเข้าไปอยู่ในใจของประชาชนได้

มุมมองหนึ่งของเยาวภาที่มีต่อการเมืองก็คือการจะพัฒนาอะไรต่างๆ การทำผ่านพรรคการเมืองนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง พร้อมกับสามารถผลักดันนโยบายต่างๆ ให้เป็นระดับประเทศได้

จอมเตะสาว กล่าวว่า ประเทศไทยตอนนี้มีปัญหาเรื้อรังที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน เรื่องปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อม, การศึกษา, เศรษฐกิจ รวมไปถึงปากท้องของประชาชน ซึ่งในความคิดตัวเองนั้นไม่อยากให้ยึดติดรูปแบบการแก้ไขปัญหาแบบเดิม เพราะเห็นกันแล้วว่ามันไม่สามารถแก้ไขได้ตรงจุด ในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่เองก็อยากจะทำอะไรที่มันนอกกรอบไปจากเดิม แต่ก็ต้องเป็นอะไรที่เรียบง่ายและสามารถจับต้องได้ และสามารถทำได้จริง

“คิดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนจะยอมรับ เพราะการจะเปลี่ยนแปลงความคิดของคนเก่าๆ ที่มีความคิดในแบบเดิมๆ มีกรอบในแบบจองตัวเองอยู่ มันต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลง ต้องกล้าที่จะเปลี่ยน เพราะสุดท้ายผลลัพธ์มันจะออกมา 2 ด้านเสมอ แต่เราก็ต้องกล้าที่จะยอมรับคำวิจารณ์ต่างๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญก็คือเป้าหมายนั้นทำแล้วต้องเป็นประโยชน์ให้กับประชาชน”

นโยบายของเยาวภานั้นอยากที่จะเริ่มต้นจากขั้นพื้นฐาน หรือที่เรียกกันว่าปัจจัย 4 ทุกคนต้องการมีบ้านที่พัก มีสิ่งแวดล้อมดีๆ อาหารที่สะอาดปลอดภัย การดูแลด้านสาธารณสุขพื้นฐาน เมื่อเจ็บป่วยก็ได้รับการรักษาตามความเหมาะสม เพราะเรื่องเหล่านี้หากที่คนคลายความกังวลไปได้มันจะทำให้คนมีความสุขในการใช้ชีวิต

“สมัยนี้คนหาเงินกันมาเพื่อจ่ายค่าความกังวลต่างๆ เช่นกลัวลูกได้รับการศึกษาไม่เพียงพอ ก็ต้องส่งลูกเรียนพิเศษ หรือกลัวไม่มีเงิน ก็ปลูกฝังลูกให้เป็นหมอทั้งๆ ที่ไม่เคยถามว่าเด็กคนนั้นชอบหรือไม่ ยิ่งสังคมกลางๆ มนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำงานกันตลอดเวลา ก็จะมีปัญหาไม่มีเวลาให้ครอบครัว จนก่อเกิดเป็นปัญหาได้”

อย่างไรก็ตาม วิว ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ เพราะเมื่อเวลามาเข้าระบบการเมืองแล้ว คนที่เข้ามากลับไม่แก้ไขให้มันตรงจุด ใช้พรรคพวก ช่วยเหลือเอื้อประโยชน์กัน มันเลยทำให้กลายเป็นวังวนที่ไม่สิ้นสุด ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้เสียที

แต่ถ้าหากพูดคุยกับคนกีฬาแล้ว แน่นอนว่าตัวของวิวเองก็มีนโยบายในเรื่องของกีฬาเช่นกัน เพราะทุกวันนี้เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่ากีฬานั้นเป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถเข้ามาช่วยพัฒนาศักยภาพของคนในประเทศได้

อดีตนักกีฬาสาวบอกว่า มุมมองในด้านกีฬากับการเมืองนั้นสามารถแยกออกได้เป็น 2 อย่าง อันดับแรกเลยคือเรื่องกีฬาเพื่อทุกคน นั่นหมายถึงการใช้กีฬาเป็นตัวเชื่อมโยงทุกคนในครอบครัว การมีกิจกรรมร่วมกัน สามารถเข้าถึงทุกคน รวมถึงทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ก็จะช่วยเรื่องไม่ต้องเสียเงินไปกับการแพทย์ ลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในสังคมได้

แต่ในมุมมองของนักกีฬาเองก็ต้องพุ่งเป้าไปที่เรื่องของความเป็นเลิศ เพราะว่านักกีฬานั้นสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้ ดังนั้นก็ควรจะต้องมีสวัสดิการที่จะดูแลให้นักกีฬานั้นเป็นไอดอลให้กับคนรุ่นใหม่หันมาเล่นกีฬามากยิ่งขึ้น หันมาเล่นกีฬาและอาจจะเป็นการสร้างนักกีฬาหน้าใหม่ขึ้นมาได้ด้วย

ปัญหาสิ่งหนึ่งที่วิวนั้นมองเห็นนั้นคือแต่ละพรรคการเมืองนั้นยังพยายามเล่นเกมทางการเมืองกันอยู่ ไม่ได้คิดถึงเรื่องของการช่วยกันแก้ไขปัญหาเท่าไหร่ ซึ่งมุมมองของวิวนั้นอยากเห็นคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยทำงานตรงนี้ คนที่ตั้งใจและกล้าที่จะเข้ามาทำงานตรงนี้ เพราะหลายครั้งพูดถึงเรื่องการเมืองแล้วคนไม่ค่อยเข้ามาเพราะไม่อยากจะเจอกับปัญหา จึงอยากเห็นคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมกันแสดงความคิดเห็นให้มากกว่านี้

จนถึงตอนนี้วิวเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าจะได้ลงสมัครเลือกตั้งในแบบส.ส.เขต หรือแบบปาร์ตี้ลิสต์ แต่เจ้าตัวเองก็ยอมรับว่าสนใจการลงสมัครแบบปาร์ตี้ลิสต์มากกว่า เพราะช่วงที่ผ่านมาจากการได้ทำงานเพื่อสังคมต่างๆ ได้ลงพื้นที่พบปะผู้คน ไปช่วยเหลือคนต่างๆ แล้วรู้สึกว่ามีประโยชน์มากกว่า การลงแบบปาร์ตี้ลิสต์นั้นจะได้รับใช้ประชาชนในแบบที่ไม่จำกัดพื้นที่ และสามารถช่วยเหลือคนในภาพรวม เป็นวงกว้างที่มากกว่าการไปจำกัดตัวเองอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเหมือนกับส.ส.เขต

ในอดีตเชื่อว่าเคยมีนักกีฬาหลายคนที่ผ่านเข้ามาในเส้นทางของการเมือง แต่เมื่อไม่ประสบความสำเร็จก็ล้มเลิกความตั้งใจ แต่กลับกันอดีตนักเทควันโดสาวคนนี้ แม้ว่าจะพบกับความผิดหวังมา แต่กลับไม่ยอมแพ้ และกล้าที่จะลองลงมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งกับเส้นทางนี้

ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว และเป็นสิ่งที่น่าค้นหาว่าถ้าได้รับโอกาสเข้ามาอยู่จุดนี้แล้วจะช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างไรบ้าง

ก็คงต้องให้กำลังใจกับอดีตจอมเตะสาวรายนี้ เพื่อให้ประสบความสำเร็จกับเส้นทางที่เลือกตรงนี้เช่นกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image