สกู๊ปพิเศษ : มองต่างมุม ‘นักมวยเด็ก’ ห้ามอายุไม่ถึง12ปีขึ้นแข่งขัน

ขอบคุณภาพจาก namotrips.com

จากกรณีที่การประชุม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา มีความเห็นชอบร่วมกันโดยไม่มีการลงมติร่าง พ.ร.บ.กีฬามวย ที่ พล.อ.อดุลยเดช อินทะพงษ์ และคณะรวม 39 คน เป็นผู้เสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ครม.จะรับร่างกฎหมายดังกล่าวไปศึกษาและเสนอกลับมาให้ สนช.อีกครั้งภายใน 30 วัน

สำหรับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้นักกีฬามวยที่ประสงค์จะเข้าแข่งขันในการแข่งขันกีฬามวยต้องขึ้นทะเบียนต่อนายทะเบียน ผู้เยาว์ที่ประสงค์ขึ้นทะเบียนเป็นนักกีฬามวย ต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน

นอกจากนี้ ยังห้ามไม่ให้ผู้จัดรายการแข่งขันกีฬามวย และนายสนามมวยอนุญาต ให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีเข้าร่วมแข่งขัน เว้นแต่ได้รับความชอบจากนายทะเบียน

แต่สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปีจะไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ โดยการแข่งขันต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมประสบการณ์ในกิจกรรมด้านการกีฬา และมีมาตรการป้องกันอันตรายทางร่างกาย และมีกฎกติกาการเล่นที่เหมาะสมเป็นการเฉพาะ

Advertisement

กรณีดังกล่าวทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างของคนมวยไทย รวมไปถึงผู้เกี่ยวข้องกับวงการมวย ซึ่งมีทั้งที่เห็นด้วย และคัดค้าน…!!!

กรณีดังกล่าวเกิดจากการมองต่างมุมของกลุ่มคนทั้ง 2 ฝ่าย

ฝ่ายหนึ่งมีหัวหอกคือ กลุ่มคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่เริ่มออกมาเคลื่อนไหวตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 เป็นต้นมา โดยประเด็นที่ออกมมาต่อต้านคือ การบาดเจ็บของสมองในนักมวยเด็ก โดยการอ้างการศึกษาวิจัยด้านสมองของนักมวยเด็ก ที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีลงมา พบว่า สมองได้รับความเสียหาย โดยลักษณะที่พบส่วนใหญ่คือ ใยประสาท และเซลล์สมอง ฉีกขาดออกจากกัน อันเกิดจากแรงกระแทกบริเวณศีรษะ

Advertisement

การศึกษาดังกล่าวเริ่มจากการนำเอากลุ่มตัวอย่างสองกลุ่ม ซึ่งเป็นนักมวยเด็ก และเด็กปกติในอายุ และฐานะทางบ้านใกล้เคียงกัน มาสแกนด้วย เครื่องสนามแม่เหล็กแรงสูง (เอ็มอาร์ไอ)  พบว่า สมองของนักมวยเด็กนั้น พบมีความผิดปกติ ตั้งแต่มีน้ำคั่งในสมอง ใยสมองที่ผิดปกติ รวมไปถึงการมีปริมาณของธาตุเหล็กในสมองเกินมาตรฐาน อันเกิดจากการเคยมีเลือดออกในสมอง การมีธาตุเหล็กสะสมอยู่มากในสมองนั้น จะส่งผลร้ายเพราะธาตุเหล็กจะเป็นตัวทำลายสมองต่อไป

ผลงานวิจัยดังกล่าวยังระบุต่อไปว่า มวยเด็กต้องเป็นเพียงวัฒนธรรมและกีฬาสมัครเล่นเท่านั้น พร้อมมีกฎกติกาที่เหมาะสมตามอายุและในเด็กต่ำกว่า 9 ปี สามารถแข่งได้เพียงแต่ต้องเป็นการแข่งขันแสดงท่าทาง ลีลาต่างๆ หรือการเตะเข้าเป้า ห้ามไม่มีการปะทะโดยในส่วนของเด็กอายุ 9-12 ปี สามารถแข่งปะทะได้ แต่ไม่มุ่งเป้าที่ศีรษะ และต้องใส่เกราะป้องกันลำตัว หรือเฮดการ์ด เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น

หลังจากแพทย์ออกมาเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาเฉลียวใจคิดถึง “มวยเด็ก” กันมากขึ้น เพราะจากข้อมูลระบุว่า มีนักมวยไทยอายุระหว่าง 9-15 ปีอยู่ทั่วประเทศจำนวนกว่า 100,000 คน ทั้งกลุ่มที่ต่อยมวยไทย เพื่อหวังเป็นเงินรางวัล ทั้งเวทีมวยมาตรฐาน และเวทีมวยในต่างจังหวัด ตามงานเทศกาลประจำปีของแต่ละจังหวัด ฯลฯ

ข้อเรียกร้องของทางแพทย์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนนั้น กลายเป็นแรงกระเพื่อมต่อเนื่องมาถึงในปัจุบัน โดยก่อนหน้านี้ พระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้จัด ค่ายมวย หรือผู้ดำเนินการจัดแข่งขันมวยไทยที่มีอายุไม่ถึง 15 ปี เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง

แต่ครั้งนี้ที่กำลังผลักดันให้มีการยกร่างพระราชบัญญัติกีฬามวยกันใหม่ และปรับลดข้อจำกัดเรื่องอายุของ “นักมวยเด็ก” ลงจากเดิมอายุไม่ถึง 15 ปีห้ามขึ้นแข่งขัน ปรับลดเป็นห้ามอายุไม่ถึง 12 ปีขึ้นทำการแข่งขันมวยไทย

ขอบคุณภาพจาก namotrips.com

อีกฟากหนึ่งฝ่ายที่คัดค้านไม่เห็นด้วยแน่นอนว่า จะเป็นกลุ่มค่ายมวยไทย คนวงการกีฬามวยไทย ย่อมเห็นต่างกับความเห็นงานวิจัยจากแพทย์ ลองไปฟังเหตุผลจากปากของ “ชาติซ้าย” นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย ในฐานะเป็นพี่ใหญ่ เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการกีฬามวยไทย และมวยอาชีพมาอย่างโชกโชนกัน

“ผมบอกก่อนเลยว่า ผมคัดค้านไม่เห็นด้วยที่จะปรับลดเกณฑ์อายุห้ามนักมวยอายุไม่ถึง 12 ปีขึ้นทำการแข่งขัน เรื่องนี้กลุ่มที่เขาต่อต้านคือ พวกแพทย์ ซึ่งเขาก็เคยเชิญผมไปพูดบรรยายมมาหลายรอบ ผมก็คัดค้านมาตลอด ยืนยันมาตลอด จุดยืนผมชัดเจน เมื่อ 10 ปีก่อนพวกนักสังคม นักสิทธิเด็ก หน่วยงานต่างๆ ออกมาต่อต้านเรื่องมวยเด็กผมก็ต่อสู้คัดค้านมาตลอด”

เพราะอะไรนั่นหรือ ต้องเข้าใจก่อนว่าสังคมเมืองไทย ไม่ใช่ต่างประเทศที่เขามีเงินใช้อย่างคล่องตัว บ้านเรามันอยู่ในระดับมีกินมีใช้ ส่วนเด็กที่มาชกมวยคุณเข้าใจพื้นฐานทางบ้านพวกเขาหรือไม่หล่ะ เขายากจน พ่อแม่บางคนเอาเด็กมาไว้ที่ค่ายมวยตั้งแต่ 4-8 ขวบ มาให้ฝึกมวย มีแทบทุกค่าย ฝึกกันตั้งแต่เด็กๆ นักมวยเด็กบางคนขึ้นชกมีรายได้กลับไปช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว ช่วยผ่อนที่ดิน ผ่อนที่นาให้ทางบ้าน มีรายได้เป็นหมื่น แถมเด็กพวกนี้ยังปราศจาคการเข้าไปข้องแวะกับเรื่องยาเสพติดปัญหาใหญ่ของสังคมไทยอีก” ชาติซ้ายเปิดฉากสนทนา

นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ เล่าต่อว่า “อันตรายจากเรื่องการชกนะหรือ ผมบอกได้เลยว่า มวยไทยเขามีกติกาเซฟนักกีฬา มีการจัดคู่ชกแบบสูสี มีการเปรียบมวย อาวุธมวยไทยเด็กก็ไม่ได้ร้ายกาจขนาดนั้น ส่วนใหญ่เป็นอาวุธยาว สาดแข้งใส่กัน ประเภทมวยหมัดเดินหน้าชกแทบไม่มี เพราะมวยสไตล์แบบนี้จะแพ้ เรื่องการปรับอายุลดลงมาแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบไปทั่ววงการแน่นอน”

ขอบคุณภาพจาก namotrips.com

“เด็กๆ พวกนี้จะขาดรายได้ ผมคงไม่มีอำนาจไปห้ามเรื่องการไม่ให้ออกกฎหมาย แต่ผมขอถามกลับไปยังรัฐบาลว่า ถ้าจะทำแบบนี้ จะไม่ให้เด็กอายุไม่ถึง 12 ปีขึ้นชก แล้วรัฐบาลจะมีวิธีการใดในการเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาเหล่านั้น มวยเด็กมีเยอะมากในปัจจุบัน ค่าตัวที่ผมเห็นๆ ในวงการไฟต์หนึ่ง 20,000 บาทก็มีเยอะ ส่งเงินให้พ่อ ให้แม่เดือนละ 3-4 พันบาท แต่พวกเขาต้องสูญเสียรายได้ช่วยเลี้ยงครอบครัว เลี้ยงพ่อแม่ไป รัฐบาลจะช่วยเหลือพวกเขาอย่างไร”

“คนที่เขาผลักดันเรื่องการลดอายุลงมาห้ามอายุไม่ถึง 12 ปีขึ้นต่อยนั้น เป็นพวกที่ไม่มีความรู้ลึกซึ้งเรื่องมวยเลย ไม่เข้าใจเด็กที่มาต่อยมวย จะให้พวกเขาไปเก็บผักบุ้งขายหลังจากนี้หรืออย่างไร กฎหมายมวยเขามีการคุ้มครองเรื่องสิทธิเด็ก มีการคุ้มครองเรื่องมาตรฐานการพักฟื้นร่างกายต่อยไฟต์หนึ่งต้องหยุดไป 21 วันถึงจะขึ้นต่อยไฟต์ต่อไปได้ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ กลุ่มคนพวกนี้เขาทำอย่างไรต่อไปถ้ามันเกิดมีการอัพเดทแก้กฎหมายกัน ถ้ารัฐบาลตอบได้ว่าจะแก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มเด็กที่ขาดรายได้ส่วนนี้ได้ ผมเองก็ยินดีที่จะเปิดใจรับฟัง” ชาติซ้ายกล่าว

สมชาติ เจริญวัชรวิทย์

นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย บอกในตอนท้ายว่า หากการดำเนินการผ่านไปยังขั้นตอนสุดท้ายจริง ซึ่งในนั้นยังมีกฎหมายลูก ที่บอกอีกว่า ห้ามนักมวยที่มีน้ำนักไม่ถึง 100 ปอนด์ขึ้นชก มันจะไปกันใหญ่ บอกไม่ได้หรอกว่าจะเกิดอะไรกันขึ้นบ้าง ประเมินความเสียหายไม่ถูก มวยไทยจะหยุดการพัฒนา เด็กๆ ที่สนใจมวยไทยจะลดน้อยลง การหาช้างเผือกมาประดับวงการมวยไทยก็จะยากขึ้น มันมีแต่สูญเสียมากกว่า

“แต่เรื่องที่ผมข้องใจที่สุดคือ รัฐบาลจะดูแลเยียวยาพวกเด็กๆ ที่ขาดรายได้กันอย่างไร ถ้ามันโอเค คนมวยไทยก็คงต้องก้มหน้าก้มตาหาวิธีการผลิตนักมวยไทย ปรับกลยุทธ์สร้างนักมวยไทยกันใหม่”

คำถามที่ “ชาติซ้าย” โยน “เผือกร้อน” กลับไปยังภาครัฐบาลว่า จะเยียวยา “นักมวยเด็ก” กรณีสูญเสียรายได้อย่างไร

ยังต้องการคำตอบที่ชัดเจน…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image