| ที่มา | มติชนรายวัน |
|---|---|
| เผยแพร่ |
แม้ฟอร์มของ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล” จ่าฝูงศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในขณะนี้ อาจจะ “ตะกุกตะกัก” ไปบ้าง แต่อย่างน้อยการเป็นผู้นำร่วมกับเลสเตอร์ ซิตี้ จากการมี 44 คะแนนจาก 22 นัดเท่ากัน หรือต่อให้โดนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จี้ติดแค่แต้มเดียว ก็ยังดีกว่าที่จะอยู่ในตำแหน่งอื่นของตารางคะแนน จนพูดได้ว่านี่คือปีที่ทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ มีลุ้นคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 12 ปีเลยทีเดียว
แต่ไม่ทันที่บรรดาแฟนปืนจะ “จิ้น” ไปกับอารมณ์ดังกล่าวได้นานๆ “เดลี่ เมล” หนึ่งในสื่อดังเมืองผู้ดีกลับปลุกให้ลุกมาเจอกับความเป็นจริง หลังได้วิเคราะห์เส้นทางการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในอีก 16 นัดที่เหลือของ 5 ทีมอันดับแรก และแน่นอนว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ยังไม่ใช่อาร์เซน่อลต่อไป!
5.แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ตอนนี้มีอยู่ 37 คะแนน และเหลืออีก 48 คะแนนให้เก็บ)
ต่อให้ฟอร์มการยิงประตูของทีมจะฝืดแค่ไหน แต่ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ของ “หลุยส์ ฟาน กัล” เพิ่งแสดงให้ทุกคนได้เห็นในเกมกับลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ว่า พวกเขาก็สามารถได้ผลการแข่งขันในบิ๊กแมตช์ตามที่ต้องการเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม การมีคะแนนตามหลังจ่าฝูงร่วมในเวลานี้ถึง 7 แต้ม แถมวันดีคืนดีนึกจะเจ๊ากับทีมรองบ่อนก็ทำมันซะดื้อๆ ประกอบกับฟอร์มที่ยังเอาแน่เอาแน่ไม่ได้ของ “เวย์น รูนี่ย์” น่าจะทำให้ “ปีศาจแดง” เก็บเพิ่มได้อีกแค่ 33 จาก 48 แต้มเท่านั้น
โดยเฉพาะการเสียแต้มแบบไม่จำเป็นให้กับเซาแธมป์ตัน (เหย้า), เวสต์บรอมวิช (เยือน) และคริสตัล พาเลซ (เหย้า) รวมทั้งอาจแพ้ให้ทีมใหญ่ด้วยกันทั้งเชลซี (เยือน), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เยือน) และสเปอร์า (เยือน) จนจบอันดับ 5 ในลีก และโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกที่หลุดลอยไปพร้อมกับเก้าอี้ฟาน กัล
ฟันธง : เก็บอีก 33 คะแนนรวมเป็น 70 คะแนน / ได้อันดับ 5
4.เลสเตอร์ ซิตี้ (ตอนนี้มีอยู่ 44 คะแนน และเหลืออีก 48 คะแนนให้เก็บ)
“ยิ่งกว่าเหลือเชื่อ” คงเป็นคำที่เหมาะสมกับ “จิ้งจอกสยาม” ตัวนี้มากที่สุด หลังยังเกาะกลุ่มหัวตารางอย่างเหนียวแน่นด้วยการรองฝูงแบบต่างกันกับอาร์เซน่อลแค่ลูกได้เสียเท่านั้น เพราะหากเป็นช่วงนี้เมื่อฤดูกาลก่อน “เลสเตอร์ ซิตี้” ไม่ต่างจากทีมตกชั้นไปแล้วด้วยซ้ำ
แม้ตอนนี้จะฝืดไปบ้างสำหรับฟอร์ม “เจมี่ วาร์ดี้” กับ “ริยาด มาห์เรซ” 2 แกนรุกตัวสำคัญที่ไร้ทั้งสกอร์ และการจ่ายบอลอันเป็นจุดเด่นมา 5 เกมติด แต่กุนซือ “เคลาดิโอ รานิเอรี่” ยังมีการปรับแผนให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆ เสมอ จนน่าจะทำให้ทีมจบซีซั่นด้วยการเป็น 4 ทีมแรกได้ไม่ยาก
ต่อให้เก็บแต้มจากทีมที่ลุ้นแชมป์ด้วยกันไม่ได้เลยก็ตาม กับโปรแกรมสุดโหดเยือนตั้งแต่แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล ไปถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงน่าจะมีคะแนนเพิ่มแค่ 27 แต้ม และจบด้วยอันดับ 4
ฟันธง : เก็บอีก 27 คะแนนรวมเป็น 71 คะแนน / ได้อันดับ 4
3.ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (ตอนนี้มีอยู่ 39 คะแนน และเหลืออีก 48 คะแนนให้เก็บ)
นี่คือทีม “คนหนุ่ม” ที่มีโค้ช “คนหนุ่ม” อย่างแท้จริง และไม่มีใครในทีมของ “เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่” เป็นดาวเด่นแบบ “ข้ามาคนเดียว” เพราะถึง “แฮร์รี่ เคน” จะคืนฟอร์มเก่ง แต่คงทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่มีกองหนุนอย่าง “เดเล่ อัลลี่” โดยมี “ยาน แฟร์ต็องเก้น” และ “โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์” คอยปัดเป่าในแนวรับ
แล้วต่อให้ถูกหมายหัวว่าจะแพ้ในเกมเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซี แต่ “ไก่เดือยทอง” ก็มีดีพอในการเปิดบ้านชนะทั้งอาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เช่นกัน
แต่อีกหนึ่งปัญหาหลักที่อาจทำให้ทีมได้แค่ “ลุ้น” แชมป์ คือการตื้อไปดื้อๆ จนเสมอแบบไม่น่าเสมอกับหลายทีม ทำให้มีคะแนนเพิ่ม 34 แต้ม พร้อมอันดับ 3 ไปครอง ทั้งที่ควรจะเป็น 42 จาก 48 แต้ม ซึ่งจะทำให้สถานะของสเปอร์สเปลี่ยนเป็นชุดประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศเป็นครั้งแรกทันที
ฟันธง : เก็บอีก 34 คะแนนรวมเป็น 73 คะแนน / ได้อันดับ 3
2.อาร์เซน่อล (ตอนนี้มีอยู่ 44 แต้ม และเหลืออีก 48 คะแนนให้เก็บ)
อย่างที่เกริ่นไว้ในบทนำว่า นี่คือ “อาร์เซน่อล” ชุดที่มีโอกาสคว้าแชมป์ลีก ตั้งแต่ฤดูกาลครองบัลลังก์พรีเมียร์ลีกแบบไร้พ่ายในซีซั่น 2003-04 ส่วนปีนี้มียอดนายทวารอย่าง “ปีเตอร์ เช็ก” แดนหน้า “โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์” ก็เล่นได้ “เข้าท่า” ที่สุดนับจากวันแรกที่สวมเสื้อ “ปืนโต”
น่าเสียดายที่ทีมของ “อาร์แซน เวนเกอร์” ต้องมัวแต่ปวดหัวกับการที่กำลังสำคัญผลัดกันเข้าออกโรงหมอเป็นว่าเล่น จนไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากสถิติ “วัวเคยค้า ม้าเคยขี่” กับทีมที่รู้ทางกันดี ซึ่งเต็มที่คงได้แค่แบ่งแต้มเชลซีในบ้าน และอาจถือไข่กลับมาจากการเยือนทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, สเปอร์ส, เอฟเวอร์ตัน และแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ทำให้เก็บได้เพียง 32 จาก 48 คะแนน มากกว่าพวกลุ้นแชมป์ด้วยกันแค่เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมเดียว และได้แค่รองแชมป์ลีกแบบน่าเจ็บใจ
ฟันธง : เก็บอีก 32 คะแนนรวมเป็น 76 คะแนน / ได้อันดับ 2
1.แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ตอนนี้มีอยู่ 43 คะแนน และเหลืออีก 48 คะแนนให้เก็บ)
ต้องภาวนาไม่ให้ “3 ทหารเสือ” “เซร์คิโอ้ “กุน” อากูเอโร่, ยาย่า ตูเร่” และ “แว็งซองต์ กอมปานี” กัปตันทีมเจ็บพร้อมกันทั้งหมด ซึ่งตอนนี้มีเพียงรายหลังที่ยังต้องพักเท่านั้น กระนั้นก็ตาม ด้วยกองกำลังอันมั่งคั่งไปด้วยนักเตะหัวกะทิที่สโมสรได้ลงทุนไป ทำให้ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” เป็นทีมที่มีผู้เล่นพร้อมสรรพมากที่สุดบนเกาะอังกฤษอยู่ดี
แล้วยังโชคดีตั้งแต่ที่มีการคลอดโปรแกรมเกมลีกออกมาแล้ว เพราะการเจอทีมลุ้นแชมป์ด้วยกันในช่วงโค้งสุดท้าย จะได้เล่นในถิ่นตัวเองเกือบทุกนัด จนไม่น่าพลาดชัยเหนือสเปอร์ส, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอาร์เซน่อล พร้อมเก็บแต้มมากสุดถึง 36 จาก 48 คะแนน และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 3 ในรอบแค่ 5 ปีเท่านั้น
ก่อนสานต่อความยิ่งใหญ่ด้วยการเตรียมได้ “โจเซ็ป “เป๊ป” กวาร์ดิโอล่า” มาคุมแทน “มานูเอล เปเญกรินี่”
ฟันธง : เก็บอีก 36 คะแนนรวมเป็น 79 คะแนน / ได้อันดับ 1
