“ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ยังเอาชนะ “สิงห์บลู” เชลซี ไม่ได้เป็นเกมที่ 9 ติดต่อกันจากทุกรายการ หากไม่นับเกมชิงโล่การกุศลคอมมิวนิตี้ชิลด์ต้นฤดูกาล หลังทีมที่เหลือ 10 คนตั้งแต่ไม่ถึง 20 นาทีแรก เปิดบ้านพ่ายแชมป์เก่าไปด้วยสกอร์ 0-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 23 เมื่อวันที่ 24 มกราคม
แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ (เบอร์ 4) โดนไล่ออกตั้งแต่ 18 นาทีแรก (ภาพจากเอเอฟพี)
โดยเจ้าถิ่นต้องเสียแพร์ แมร์เตซัคเกอร์ กองหลังที่ไปเสียบดีเอโก้ คอสต้า ในจังหวะหลุดเดี่ยว ส่งผลให้มาร์ก แคล็ตเตนเบิร์ก ผู้ตัดสินไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 18 ทำให้อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซน่อลต้องเปลี่ยนโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ศูนย์หน้าที่กำลังฟอร์มแรงออก และส่งกาเบรียล เปาลิสต้า แนวรับลงไปแทน ก่อนจะเป็นคอสต้าที่ทำประตูชัยให้ทีมเยือนในอีก 5 นาทีถัดมา
ดีเอโก้ คอสต้า (ภาพจากเอเอฟพี)
อย่างไรก็ตาม ทีมปืนใหญ่ยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง เมื่ออเล็กซิส ซานเชซ จอมทัพคนสำคัญหายเจ็บยาวกลับมาลงเล่นเป็นตัวสำรองในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จบเกมอาร์เซน่อลแพ้คาเอมิเรตส์ สเตเดียม 0-1 ชวดโอกาสขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูง มีสถิติชนะ 13 เสมอ 5 แพ้ 5 ยิงได้ 37 ประตู เสีย 22 มี 44 แต้ม อยู่อันดับ 3 ส่วนเชลซีชนะ 7 เสมอ 7 แพ้ 9 ยิงได้ 32 เสีย 34 มี 28 แต้ม อยู่อันดับ 13 และไม่แพ้ใคร 7 เกมติดจากทุกรายการ หรือนับตั้งแต่ไล่โจเซ่ มูรินโญ่ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม
อเล็กซิส ซานเชซ (ภาพจากเอเอฟพี)
