‘ก้องศักด’ บุกเยี่ยมชม ‘สิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ’ เก็บข้อมูลกลับไปพัฒนาการกีฬาไทย

“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วย นายวิษณุ ไล่ชะพิษ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ กกท. เดินทางเข้าเยี่ยมชมศูนย์กีฬา สิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ โดยมี นายลิม เตค ยิน ประธานบริหารสถาบันกีฬาสิงคโปร์ และคณะให้การต้องรับ ที่สิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน

ดร.ก้องศักด เปิดเผยว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ได้ร่วมรับฟังการบรรยายการดำเนินงานภารกิจภาพรวมด้านต่างๆ รวมถึงทิศทางการดำเนินงานในอนาคตของสถาบันกีฬาสิงคโปร์ จากนั้นได้เดินชมสปอร์ตฮับรวมไปถึงสนามแข่งขันต่างๆ อาทิ สนามฟุตบอล, สระว่ายน้ำ, โรงยิมเนเซี่ยม ฯลฯ รวมทั้ง ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา, ห้องฟิตเนส, ห้องกายภาพนักกีฬา และชมนิทรรศการประวัติความเป็นมาของสนามกีฬาแห่งนี้ภายในพิพิธภัณฑ์กีฬาอีกด้วย

“ครั้งนี้ได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมสปอร์ตฮับของสิงคโปร์ที่มีสนามกีฬาหลากหลายประเภท ซึ่งเริ่มต้นก็ได้หารือกับนายลิม เตค ยิน ประธานบริหารสถาบันกีฬาสิงคโปร์ และคณะผู้บริหารกีฬาของสิงคโปร์ ก็ได้ประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะนโยบายการวางแผนระยะยาวไปจนถึงปี 2030 แนวคิดก็น่าสนใจมาก เนื่องจากการวางแผนก็อยู่ในรอบปีของโอลิมปิก ขั้นตอนละ 4 ปี อีกทั้งการกีฬาของสิงคโปร์ยังได้ประสานงานกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก อาทิ หน่วยงานด้านสาธารณสุข, การศึกษา, สังคม และยังคิดไปถึงการสร้างคนโดยใช้กีฬา” ผู้ว่าการ กกท. กล่าว

ดร.ก้องศักด กล่าวอีกว่า ด้านกีฬาของสิงคโปร์นั้น จะดูแลตั้งแต่เด็กในขั้นพื้นฐานจนถึงระดับกีฬาเพื่อความเป็นเลิศและกีฬาอาชีพ โดยมีการประสานหน่วยงานทั้ง 3-4 ด้านอย่างลงตัว และยังได้เห็นศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาที่ทันสมัยและมีบุคคลากรที่เพียงพอในทุกด้าน อีกทั้งที่สปอร์ตฮับของสิงคโปร์ก็สามารถเป็นแบบอย่างได้ดีมากให้กับนโยบายเนชั่นแนล สปอร์ตส์ ปาร์ค อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วว่าต้องการให้สนามกีฬาหัวหมากเป็นสถานที่ที่ใช้ชีวิตครบวงจรในเรื่องของกีฬาโดยจะต้องร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน

Advertisement

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกเรื่องที่เรากำลังตามหลังมากและควรจะรีบพัฒนาก็คือการเก็บข้อมูลของกีฬาเกี่ยวกีฬาและคนที่เล่นกีฬา โดยประชากรสิงคโปร์มีประมาณ 3 ล้านกว่าคน แต่คนสิงคโปร์ที่สนใจกีฬามีมากถึง 1.5 ล้านคนเลยทีเดียวก็เทียบได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรทั้งหมด ซึ่งตรงนี้ทำให้เขาสามารถที่จะวางแผนบริหารจัดการกีฬาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงนี้ทาง กกท. ก็จะนำไปใช้และพัฒนาการเก็บข้อมูลกีฬาซึ่งก็เป็นอีกนโยบายที่ตนอยากจะผลักดันต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image