นายพรหมเมศ จักษุรักษ์ ประธานฝ่ายเทคนิคสนามมวย เวทีมวยราชดำเนิน เปิดเผยว่า เวทีมวยมาตรฐานอย่างราชดำเนิน ไม่เคยมีเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีขึ้นชก แต่ที่มีคืออยู่ช่วงอายุ 12-15 ปีสำหรับเด็ก หรือน้ำหนักต้องไม่ต่ำกว่า 80 ปอนด์ หรือประมาณ 40 กก. สำหรับมวยเด็กในเกณฑ์อายุ 12-15 ปีที่จะสามารถขึ้นชกในเวทีมายมาตรฐานได้นั้นจำเป็นต้องมีจุดขาย ต้องแข็งแกร่ง ต้องมีชั่วโมงบินมาแล้วพอสมควร กติกาการชกจะเป็นแบบ 5 ยก ชก 2 นาที พัก 2 นาที ต่างจากผู้ใหญ่ที่ชก 3 นาที พัก 2 นาทีต่อยก ที่สำคัญเวทีมวยราชดำเนินให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของนักมวยเป็นพิเศษไม่ใช่เพียงแต่มวยเด็ก แต่ผู้ใหญ่เองเราก็ไม่เคยประมาท โดยตั้งแต่แรกเริ่มที่จะมีการประกบคู่มวยในศึกต่างๆ เราจะมีคณะกรรมการฯ ที่กว้างขวางในวงการมวยในการตรวจสอบคุณสมบัตินักชกแต่ละคนว่าผ่านหรือไม่ เช่น มีการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย กกท. หรือไม่ การชกไฟต์สุดท้ายเป็นอย่างไร พักมาแล้วไม่น้อยกว่า 21 วันตามกฎหมายกำหนดแล้วหรือไม่ นอกจากนี้คณะกรรมการจะดูถึงเนื้อตัวนักมวยได้เปรียบเสียเปรียบกันขนาดไหนในเวทเดียวกัน ถ้าต่างกันมากเราก็ไม่สามารถจัดได้เพราะอันตรายต่อนักมวย โดยคุณสมบัติที่กล่าวมาถ้าขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งเราจะไม่อนุญาตให้ขึ้นชกอย่างเด็ดขาด
นายพรหมเมศ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของเรื่องเทคนิคนั้น พื้นเวทีต้องได้มาตรฐานความหนา ความนุ่มตามที่ พรบ.กีฬามวย พ.ศ.2542 กำหนดซึ่งเวทีมาตรฐานไม่มีปัญหาเรื่องนี้ แต่เวทีมวยภูธรมักจะไม่ได้มาตรฐาน ถัดมาเป็นเรื่องของตัวกรรมการ และทีมงานกรรมการ ต้องลงลึกรายละเอียดถึงเรื่องการพันมือต้องได้มาตรฐานทั้ง 2 ฝ่าย นวมที่ใช้กับมวยเด็กก็จะอยู่ที่ 6 ออนซ์ ซึ่งช่วงเช้าก่อนชกในตอนเย็นทุกคนต้องชั่งน้ำหนัก ตรวจร่างกาย ถ้าสภาพนักชกอิดโรยไม่พร้อมก็ไม่สามารถขึ้นชกได้เพราะอันตราย ส่วนเรื่องบนเวทีนั้น ผู้ตัดสินสำคัญมาก เวทีมวยมาตรฐานจะมีผู้ตัดสินที่ชำนาญเชี่ยวชาญการห้ามมวยเป็นพิเศษ ผ่านการอบรมมาอย่างดี ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง เพราะผู้ตัดสินเหล่านี้จะรู้ดีว่าจังหวะไหนต้องหยุด ต้องเบรก ต้องสับมือให้ชกต่อ ทุกคนรู้ดีว่าต้องเซฟตี้นักมวยเป็นลำดับแรก หากมีโดนหมัด หรือโดนอาวุธคู่ต่อสู้หล่นไปกับพื้นเวที ผู้ตัดสินจะต้องเข้าขวางไม่ให้ซ้ำ และนับ 8 เพื่อประเมินสภาพนักมวยว่า ชกต่อไหวหรือไม่ ถ้าไม่ไหวก็โบกมือ แต่จากที่เห็นกรณีของ “น้องเล็ก” นั้น เห็นชัดเจนว่า ผู้ตัดสินขาดประสบการณ์ จริงๆ ต้องหยุดเพื่อนับ แล้วประเมินแล้วว่าไหวหรือไม่ แต่นี่กลับให้ชกต่อ แต่ก็รับฟังจากเพื่อนๆ พี่น้องในวงการทราบมาว่า ทางโปรโมเตอร์หรือตัวพ่อ แม่เด็กเองไม่ให้ความสำคัญกับการเว้นช่วงเพื่อฟื้นสภาพร่างกายแต่ละไฟต์ เรียกได้ว่าชกถี่เกินไป อาจเพราะเร่งทำเงิน บางครั้ง 2-3 พันก็เอาไว้ก่อนแล้ว ชกทุกสัปดาห์เด็กจะไหวได้อย่างไร สภาพร่างกายมันบอบช้ำ
ประธานเทคนิคเวทีมวยราชดำเนิน กล่าวต่อไปอีกว่า เรื่องการป้องกันอันตรายของนักมวยยังไม่จบแค่บนเวที การบริหารจัดการรอบนอกก็ต้องมี ซึ่งทุกเวทีมวยมาตรฐานจะมีเหมือนกันคือ มีทีมแพทย์ พยาบาล ประจำข้างเวทีหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้เข้าปฐมพยาบาลได้ทันท่วงที ขณะเดียวกันก็ต้องมีรถพยาบาลจอดประจำไว้เผื่อต้องเร่งนำส่งโรงพยาบาลในเคสรุนแรง
“ทั้งหมดที่เล่ามาเวทีมาตรฐานมีกันหมด แต่เวทีมวยภูธรมักจะละเลยเรื่องพวกนี้จนทำให้เป็นเหตุบานปลาย พวกแพทย์ และนักวิชาการที่ออกมาดันให้แก้กฎหมายห้ามเด็ก 12 ปีต่อยมวยนั้นก็มองแค่ว่าแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ มองไกลเกินไป เพราะถ้าบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้เหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น” ประธานเทคนิคเวทีมวยราชดำเนินกล่าว
“มาดามโอ๋” ปริยากร รัตนสุบรรณ โปรโมเตอร์หญิง และกรรมการผู้จัดการ บริษัท วันทรงชัย จำกัด เปิดเผยว่า การฝึกมวยเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 5-6 ขวบ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เรียนรู้เร็ว แต่หากไม่มีใครช่วยให้แนวทางที่ถูกต้องและปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงหากมองในภาพรวมระบบของมวยไทย ยังมีช่องโหว่ตรงที่ว่า ให้เด็กขึ้นชก โดยไม่ได้มีการเข้มงวดมากนัก ทั้งในเรื่อง กฎกติกา การกำหนดระยะพักฟื้น การขออนุญาตในการแข่งขัน เป็นการขึ้นทะเบียนนักมวย
ทั้งนี้จากผลการวิจัยของแพทย์พบว่า ปัจจุบันมีนักมวยเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีมากกว่าหนึ่งแสนคน ซึ่งต้องเดินสายขึ้นชกอย่างไม่เป็นทางการ ทั้งชกเดิมพัน ชกชิงเงินรางวัลตามเวทีงานวัด งานเทศกาลต่าง ๆ โดยอายุน้อยสุดที่พบคือ 4 ขวบ นักมวยเด็กเหล่านี้จะได้รับความกระทบกระเทือนจากการโดนชกที่ศีรษะอย่างน้อย 20 หมัดต่อไฟต์ ซึ่งสูงสุดที่เคยนับได้คือ 40 ครั้ง ต่อ 1 ยก หรือ ประมาณ 2 นาที (มวยเด็กชก 3 ยก ยกละประมาณ 2 นาที) โดยที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน
