เทนนิสวุ่นหนัก!’เอทีเอฟ’สั่งปิดสำนักงานในเมืองไทย-คู่วิวาทใช้ความรุนแรงยันชัดเรื่องส่วนตัวไม่อิงขั้วไหน

จากเหตุการณ์วุ่นวายของสมาคมกีฬาเทนนิส ลอนเทนนิสสมาคมฯ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยนายสมบัติ เอื้อมมงคล ที่ กกท. รับรองให้มาทำหน้าที่นายกสมาคมกีฬาเทนนิสฯ เข้ามาสอบถามถึงสิทธิรับมอบงานจากขั้วบริหารงานชุดเก่า ที่สำนักงาน แต่เกิดเหตุการณ์ชุลมุนชกต่อยตะลุมบอนกันนั้น

 
ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ที่สำนักงานลอนเทนนิสสมาคมฯ เมืองทองธานี นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา กรรมการอำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ เปิดแถลงกรณีความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
นายชลิตรัตน์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่นายสมบัติ เอื้อมมงคล พร้อมคณะและผู้สนับสนุนเดินทางมาสอบถามเรื่องเลือกตั้ง แต่ได้เกิดเหตุการณ์ชกต่อยรุมทำร้ายนายบัญชา พิมพ์สมบูรณ์ เหรัญญิกสมาคมฯ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจนได้รับบาดเจ็บจากผู้สนับสนุนนายสมบัติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทุบรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว และเมื่อช่วงเช้าตำรวจได้เข้ามาทำแผนที่เกิดเหตุ ขณะที่นายบัญชาบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงไทย

 
นายชลิตรัตน์กล่าวต่อว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการเทนนิส อีกทั้งในวันเกิดเหตุยังมีการอบรมกีฬาเทนนิสต่อเยาวชนนานาชาติ และมีงานเลี้ยงรับรองแสดงความยินดีกับนักเทนนิสเยาวชนไทยจึงคิดว่าเหตุการณ์ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะจะส่งผลให้นักกีฬาและผู้ปกครองรู้สึกถูกคุกคาม และไม่ได้รับความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สิน ดังนั้นสมาคมฯ ขอปิดทำการ 1 วัน ในวันที่ 4 พฤษภาคม โดยเหตุการณ์นี้ได้ถูกเผยแพร่ไปยังต่างประเทศ ทำให้ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้รับหนังสือด่วนจากสหพันธ์เทนนิสแห่งเอเชีย (เอทีเอฟ) แจ้งว่า ขอหยุดกิจกรรมการส่งเสริมนักกีฬาเทนนิสทุกประเภท และความร่วมมือกันระหว่างประเทศของกีฬาเทนนิสไว้ชั่วคราว

 
“เอทีเอฟแจ้งมาว่ามีความกังวลต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และนักกีฬาของเอเทีเอฟที่มาเข้าฝึกอบรม เนื่องจากมีสำนักงานและหอพักอยู่ภายในลอนเทนนิสสมาคมฯ ดังนั้นเอทีเอฟจะขอระงับกิจกรรม และปิดสำนักงานชั่วคราวจนกว่าจะเข้าสู้ภาวะปกติ พร้อมกันนี้จะพิจารณาย้ายสำนักงานเอทีเอฟออกจากประเทศไทยด้วย”นายชลิตรัตน์กล่าว

Advertisement

 
ขณะที่นายไพฑูรย์ นามกร เจ้าหน้าที่สารสนเทศของสมาคมกีฬาเทนนิสฯ ซึ่งเป็นคู่กรณีในเหตุการณ์ชกต่อย เปิดเผยว่า ได้ต่อยนายบัญชา เพราะอารมณ์ส่วนตัว ซึ่งมาจากเรื่องงานที่นายบัญชาใช้คำพูดบีบให้ออกจากงาน และใช้คำว่าจะโละพนักงานออก รวมถึงเรื่องการหักเงิน และเงินเบี้ยเลี้ยงที่ได้ไม่เท่าคนอื่น ทำให้เป็นความอัดอั้นจนระบายออกมา ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับฝ่ายไหนทั้งชุดเก่าและชุดใหม่ เพราะชุดไหนมาตนก็เป็นพนักงานประจำของสมาคมฯ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งการ์ดส่วนตัวของนายบัญชาได้เข้ามาต่อยจนเกิดเหตุชุลมุน โดยตนได้ไปแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายที่ สภ.ปากเกร็ด ไว้แล้วเช่นกัน และก็พร้อมจะสู้คดีต่อไปด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image