ดาโต๊ะ พอล ชัวร์ เลขาธิการสหพันธ์เพาะกายและฟิตเนสโลก พร้อมด้วย นายศุกรีย์ สุภาวรีกุล เลขาธิการสหพันธ์เพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเซีย และนายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย ร่วมประชุมผู้จัดการทีมตัวแทนทั้ง 51 ประเทศ และการประชุมกับคณะกรรมการตัดสิน เพื่อทำความเข้าใจถึงกฎกติกาในการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 10 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ที่ ห้องป่าสักน้อย โรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว
ในครั้งนี้ยังมีการอบรมสัมนาให้ความรู้เกี่ยวกับสารกระตุ้น ซึ่งได้รับเกียรติจาก 4 วิทยากร นาย อับดุล รามัน ฮามีด จากอัฟกานีสถาน, ศาสตราจารย์ ดร. เดลเบกี้ จากเบลเยี่ยม นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสารกระตุ้น, นาย โฮสเซน อับโดลลาฮี จากประเทศอิหร่าน และนายแพทย์ จตุพร ณ นคร ประธานฝ่ายการแพทย์ของสหพันธ์เพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชีย มาร่วมให้ความรู้
สำหรับการประชุมในครั้งนี้มีชาติสมาชิกมาร่วมประชุมทั้งหมด 51 ประเทศ โดยในครั้งนี้มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน 515 คน ซึ่งทีมที่ส่งเข้าร่วมอันดับ 1 คือประเทศอินเดีย 93 คน , อันดับ 2 ประเทศไทย 53 คน, อันดับ 3 เวียดนาม 29 คน และมีนาย วอเตอร์ เดน เบรนเด้น ประธานฝ่ายผู้ตัดสิน
ด้านนายศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับในวันนี้เป็นการประชุมผู้จัดการทีมทั้ง 51 ประเทศ เป็นกาประชุมรายละเอียดต่างๆ เรื่องของการชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงในวันที่ 13 ธ.ค. 61 ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง นอกจากนี้เราได้มีการประชุมผู้ตัดสินซึ่งมีผู้ตัดสินทั้งหมด 18 คนซึ่งคัดเลือกมาจาก 51 ประเทศเพื่อมาร่วมตัดสินในครั้งนี้ เชื่อว่าในการแข่งขันครั้งนี้ชาติสมาชิกจะได้มีการชื่นชมกับการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งทุกคนมีความสุขกับการต้อนรับของประเทศไทยเรา และในวันที่ 13 ธ.ค. จะเป็นการประชุมใหญ่ ซึ่งจะมีหลายวาระโดยเฉพาะการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันชิงแชมป์โลกของเจ้าภาพในปี 2019 ซึ่งก็จะได้มีการนำเสนอกันในครั้งนี้ด้วย
สำหรับการเป็นเจ้าภาพของเชียงใหม่ ต้องบอกว่าความพร้อมเกินร้อยเปอร์เซนต์ไม่ว่าจะเป็ฯการท่าอากาศยานนานาชาติ จ.เชียงใหม่ รวมถึงภาคส่วนทางอำเภอเมือง รวมถึงภาคเอกชนก การท่องเที่ยวของ จ.เชียงใหม่ ครั้งนี้หลายชาติน่าจะประทับใจเพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้มาเยือนจังหวัดเชียงใหม่ และสิ่งที่เขาได้รับจากที่นี่คือการต้อนรับอันอบอุ่น รวมถึงการบรรยากาศสวยๆ ของเมืองเชียงใหม่
ขณะที่ นายแพทย์ จตุพร ณ นคร ประธานฝ่ายการแพทย์ของสหพันธ์เพาะกายและฟิตเนสแห่งเอเชีย กล่าวว่า การจัดอบรมครั้งนี้ เรามีความกังวลใจเรื่องกีฬาเพาะกาย อยู่ในอันดับต้นๆ ของการถูกตรวจพบสารกระตุ้น ทำให้ทางสหพันธ์ฯ มีแนวคิดที่จะกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อเข้มงวดในเรื่องการใช้สเตรียรอยด์ ตอนนี้อาจจะไม่มีผล แต่ในอนาคตมีผลร้ายอย่างไร ต้องการให้ข้อมูลความรู้ของอันตรายจากการใช้สเตรียรอยด์ หวังว่าจะได้ให้ความรู้กับผู้เข้ารับการอบรมทุกคน และแสดงให้เห็นว่าชัยชนะของกีฬาเพาะกายจะต้องมาแบบขาวสะอาด ไร้การใช้สารกระตุ้นในการแข่งขัน
