ลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟิลด์ถล่มบีญาร์รีล 3-0 ในศึกยูโรป้าลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พร้อมผ่านเข้าชิงชนะเลิศด้วยผลรวม 3-1 โดยจะเข้าไปพบกับเซบีญ่า แชมป์เก่า และอีกหนึ่งสโมสรจากลาลีก้า สเปน ที่เอาชนะชากห์ตาร์ โดเน็ตส์ก จากยูเครน 3-1 ในวันเดียวกัน และรวมผล 2 นัด ชนะ 5-3
นัดนี้ทีม “หงส์แดง” ที่บุกไปเสียท่าแพ้มาก่อนในเกมแรก 0-1 ได้ประตูนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 7 หลังจากบรูโน่ โซเรียโน่ กองกลางทีมเยือนพยายามสกัดลูกเปิดของโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ แต่บอลพุ่งผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง ต่อมาในนาที 63 แดเนียล สเตอร์ริดจ์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษช่วยให้เจ้าถิ่นนำห่างเป็น 2-0 จากการเปิดบอลของฟีร์มิโน่
สถานการณ์ของบีญาร์รีลยิ่งเลวร้ายเมื่อบิคตอร์ รุยซ์ กองหลังชาวสเปนโดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 71 และสุดท้าย อดัม ลัลลาน่า ทำประตูย้ำชัยให้ลิเวอร์พูลในนาที 82 จนเอาชนะไป 3-0 ในที่สุด
เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหงส์แดงเหวี่ยงหมัดฉลองชัย
ภายหลังการแข่งขัน เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า ถือเป็นค่ำคืนที่แสนวิเศษ ลูกทีมทุกคนโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกทุกคนทุ่มเทกันเต็มที่ แต่อาจจะเริ่มเสียสมาธิใน 15 นาทีหลังของครึ่งแรก ช่วงพักครึ่งจึงสั่งให้นักเตะเล่นแบบถวายหัวเหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมเรื่องใช้สมองเข้าไปอีกนิด ซึ่งทุกคนก็ทำได้ดี
“เหตุผลที่ผมมารับงานคุมทีมหงส์แดงก็เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของนักเตะที่มีอยู่ ไม่ใช่การทุ่มซื้อเพื่อหาผู้เล่นเก่งๆ เข้าทีม และตอนนี้เราก็มาถึงรอบชิงชนะเลิศแล้ว ถือว่าช่วยยืดฤดูกาลให้ยาวออกไปจากเกมลีกปกติ” กุนซือชาวเยอรมันซึ่งเข้ามากุมบังเหียนช่วงต้นเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมากล่าวในตอนท้าย
สำหรับรอบชิงชนะเลิศศึกยูโรป้าลีกระหว่างลิเวอร์พูลแชมป์ 3 สมัย มากสุดอันดับ 2 ร่วมตลอดกาล กับ เซบีญ่า แชมป์สูงสุดตัวจริง 4 สมัย และแชมป์ 2 ปีหลังสุด จะแข่งขันที่สนามเซนต์.ยาเค็บ-ปาร์ก เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้
โดยแชมป์จะได้สิทธิไปเล่นรายการใหญ่ของฟุตบอลสโมสรยุโรปอย่าง “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” ฤดูกาลหน้า ซึ่งทั้งลิเวอร์พูล และเซบีญ่า ต่างก็หมดลุ้นในการทำอันดับในเกมลีกตัวเองเพื่อไปเล่นรายการดังกล่าวแล้ว
