ความเคลื่อนไหวทัพนักเตะ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ซึ่งเตรียมลงสนามทำศึกฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ 2019 กลุ่มเอ นัดที่สอง พบ บาห์เรน ที่อัล มัคตูม สเตเดียม นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) วันที่ 10 มกราคม ตามเวลาประเทศไทย 18.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD และ FOX Sports HD ซึ่งผลงานนัดแรกที่ผ่านมา ทีมชาติไทย พ่าย อินเดีย 1-4 ขณะที่ บาห์เรน เสมอกับ ยูเออี 1-1 นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มกราคม ฝ่ายจัดการแข่งขันได้จัดให้มีการแถลงข่าวความพร้อมก่อนเกมการแข่งขันระหว่างทีมชาติไทย พบ บาห์เรน ที่ห้องแถลงข่าวภายใน อัล มัคตูม สเตเดียม จากนั้น “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย เฮดโค้ชขัดตาทัพทีมชาติไทยได้นำนักเตะลงฝึกซ้อม Official Training ที่สนามแข่งขันจริง อัล มัคตูม สเตเดียม เพื่อเตรียมพร่อมก่อนที่โค้ชโต่ยจะประเดิมคุมทีมชาติไทยนัดแรกลงเตะนัดชี้ชะตาพบ บาห์เรน
สำหรับสถานการณ์ในเกมนี้ทีมชาติไทยจำเป็นที่จะต้องคว้าชัยชนะให้ได้เพียงสถานเดียวเท่านั้น เพื่อโอกาสในการผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาต์ 16 ทีม แต่หากเสมอ หรือแพ้ ก็จะต้องไปลุ้นเข้ารอบต่อในนัดสุดท้าย แต่โอกาสค่อนข้างเหลือน้อยมาก
สำหรับ 11 ผู้เล่นตัวจริงทีมไทยที่คาดว่าจะลงสนามพบ บาห์เรน ในระบบ 4-2-3-1 ดังนี้ ผู้รักษาประตู ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, กองหลัง แบ๊กซ้าย ธีราทร บุญมาทัน, แบ๊กขวา อดิศร พรหมรักษ์, คู่เซ็นเตอร์ พรรษา เหมวิบูลย์, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, กองกลาง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ตัวรุก ชนาธิป สรงกระสินธ์, ริมเส้น ศุภชัย ใจเด็ด, สิโรจน์ ฉัตรทอง และกองหน้าตัวเป้า ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้ากัปตันทีม
ส่วนสถิติที่เคยพบกันตามการรับรองของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เคยเจอกัน 7 ครั้ง ปรากฏว่า ไทยชนะเพียงนัดเดียว เสมอ 2 นัด แพ้ถึง 4 นัด ยิงได้ 4 ประตู และเสียไป 9 ประตู โดยนัดล่าสุดที่ทีมไทยเจอกับ บาห์เรน ต้องย้อนกลับไปปี2015 โดยผลปรากฏว่า ทีมชาติไทย เสมอ บาห์เรน 1-1 ในนัดอุ่นเครื่องกระชับมิตร
ด้านชัยชนะครั้งล่าสุด และครั้งเดียวที่ ทีมชาติไทย สามารคเก็บชัยเหนือ บาห์เรน ในเกมที่ฟีฟ่ารับรอง ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 39 ปีที่แล้ว หรือในปี 1980 ที่เฉือนชนะไปได้ 1-0 ในฟุตบอลรายการพิเศษ เพรสซิเด้นท์ คัพ ที่ประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
