สกู๊ป : เจาะลึก ‘ซาร์รี่ บอล’ กับความหวังท็อป4 และฟางเส้นสุดท้ายในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์

ณ เวลานี้ต้องบอกว่าฟอร์มการเล่นของทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถือว่า สุ่มเสี่ยงมากต่อการไม่ได้ไปเล่นในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกฤดูกาลหน้า หากทีมยังทำผลงานเเย่เเบบนี้ต่อไปอีก 2-3 นัดข้างหน้า รวมทั้งยังเจอปัญหาวิบากกรรรมนอกสนามมากมาย แต่ประเด็นในสนามที่มีการกล่าวถึงมากที่สุด คือการทำทีมสไตล์ “ซาร์รี่ บอล” ของผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียน เมาริซิโอ ซาร์รี่ วัย 60 ปี มีความเหมาะสมกับฟุตบอลอังกฤษหรือเปล่า เเละโค้ชชาวอิตาเลียนเหมาะกับการคุมยอดทีมแห่งกรุงลอนดอนต่อไปหรือไม่?

ผลงาน 4 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก เชลซี เสียถึง 12 ลูก จากเกมเยือนทั้งหมด ประกอบด้วย แพ้ อาร์เซน่อล 0-2 แพ้ บอร์นมัธ 0-4 และแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครึ่งโหล 0-6 ซึ่งเป็นการเสียประตูมากที่สุดของสโมสรตั้งแต่ปี 1991 ที่โดนสโมสร น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ถลุงยับ 0-7 ประตู ถึงแม้จะกู้หน้าเปิดบ้านเอาชนะ ฮัดเดอร์ฟิลด์ มาได้ 5-0 แต่ดูแล้วเหมือนจะไม่ดูดีเท่าไหร่ เพราะเมื่อเทียบกับสกอร์ที่แพ้มา มันดูเเย่มากสำหรับสโมสรขนาดใหญ่อย่างเชลซี

เมาริซิโอ ซาร์รี่ เป็นคนที่มั่นใจในเเผนการเล่นของตัวเองสูง เพราะเคยเกือบประสบความสำเร็จกับการคุม นาโปลี สโมสรชั้นนำในกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี เเต่หลังเกมที่ เชลซี แพ้ อาเซน่อล ซาร์รี่ไม่โทษระบบการเล่นของตัวเองที่ใช้มาตั้งเเต่ต้นฤดูกาลไม่เคยเปลี่ยนเเปลง เเต่กลับต่อว่านักเตะต่อหน้านักข่าวจำนวนมากว่า นักเตะเล่นกันอย่างขาดความกระหายชัยชนะ จนทำให้ทีมพ่ายแพ้

Advertisement

หลายคนมองว่านี่เป็นการกระทำที่ทำให้นักเตะหลายคนเริ่มไม่พอใจในตัวโค้ชผู้นี้เเล้ว ซึ่งผลงานการแพ้อย่างไม่เป็นท่าหลายนัดติดต่อกันในช่วงหลัง เเละเป็นการเเพ้ ทีมใหญ่ที่มีศักดิ์ศรีของทีมเป็นเรื่องสำคัญต่อเเฟนบอลเเละสโมสร

อดคิดไม่ได้ว่า “วัฏจักร” ของเชลซีเรื่องการไล่โค้ชอาจกลับมาอีกครั้งในฤดูกาลนี้ก็เป็นได้…

Advertisement

นอกจากจะไม่สามารถซื้อใจนักเตะในทีมได้ ซาร์รี่ ยังไม่สามารถซื้อใจสาวกเดอะบริดจ์ได้อีกด้วย หลังเกมพ่ายแพ้ต่อ แมนฯยูไนเต็ด คาบ้าน มีเสียงโห่ร้องไล่โค้ชแดนมักกะโรนีผู้นี้ก้องสนาม เหตุผลจากการคิดง่ายๆ ของซาร์รี่ ที่เปลี่ยนตัวผู้เล่นตำแหน่งต่อตำแหน่งทุกนัด ประกอบด้วย

– รอสส์ บาร์คลี่ย์ แทน มาเตโอ โควาชิซ
– ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า แทน เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า
– วิลเลี่ยน ดา ซิลวา แทน เปโดร โรดริเกซ

ในขณะที่ทีมมีสกอร์ตามหลังคู่แข่งอยู่ ซึ่งแฟนบอลมองว่านี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ โดยอยากให้มีการยืดหยุ่นระบบการเล่นบ้าง หรือเเก้ไขตำเเหน่งผู้เล่นเเดนกลางโดยให้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กลับไปเล่นตำเเหน่งตัวรับที่เจ้าตัวถนัดสักที เพราะ จอร์จินโญ่ ถูกเเฟนบอลโห่ร้องใส่อย่างหนัก หลังได้รับโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ฟอร์มการเล่นไม่ค่อยดีในช่วงหลัง

อีกจุดหนึ่งที่น่าสังเกตคือ สถิติการเปลี่ยนตัวกันเล่นระหว่าง บาร์คลี่ย์ กับ โควาชิซ ที่สลับกันลงสนามมากถึง 19 ครั้ง ในฤดูกาลนี้ ซึ่งหากมองไปที่ม้านั่งสำรอง ตำเเหน่งนี้ยังมี รูเบน ลอฟตัส-ชีค สตาร์ดาวรุ่งที่มักทำผลงานอยู่เสมอเมื่อได้รับโอกาส เเต่ซาร์รี่มักใช้นักเตะเพียงสองคนในตำเเหน่งนี้ จะเห็นว่าไม่ค่อยมีการโรเตชั่นนักเตะในยุคของเขาเท่าไหร่ ซึ่งอาจมีส่วนที่ทำให้ฟอร์มการเล่นช่วงหลังดร็อปลงไป นี่ยังไม่นับรวมกรณีของ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ที่โชว์ผลงานดีมาตั้งเเต่ช่วงปรีซีซั่น เเต่ไม่มีโอกาสได้สร้างสีสันใหม่ให้กับทีมโดยการลงเป็นตัวจริงตามคำเรียกร้องของเเฟนบอลบ้างเสียที

สไตล์บอลของซาร์รี่ที่ยึดระบบ 4-3-3 ตลอด นับตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาลจนถึงตอนนี้ ช่วงแรกถือว่ามีแนวโน้มที่ดีมากจากการเก็บชัยได้ 5 นัดรวด ถล่มไปได้ 13 ประตู จนถูกมองว่าเป็นทีมหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ลีกอย่างเต็มตัว แต่หลังจากเปลี่ยนศักราชใหม่มาเป็น 2019 ทีมที่เคยลุ้นแชมป์ต้องมากระเสือกกระสนลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์แทน เนื่องจากระบบการเล่นที่ตายตัวจนทำให้คู่แข่งจับทางได้ และนักเตะก็ถูกดักทางได้เช่นกัน

ล่าสุดมีการเปรียบเทียบ เมาริซิโอ ซาร์รี่ กับโค้ชคนอื่นอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน ที่ตกเป็นข่าวว่า เป็นตัวเต็งที่จะมาเสียบเก้าอี้ของซาร์รี่ในไม่ช้าหากทำผลงานย่ำเเย่อีก ซีดานมีทั้งทักษะด้านฟุตบอล ผ่านการเเข่งขันรายการใหญ่มาเเล้วนักต่อนัก เเละมีสไตล์การทำทีมที่ยืดหยุ่นมากกว่าซาร์รี่หลายขุม ไม่ว่าจะเป็นระบบ 4-3-3, 4-4-2 หรือ 4-3-1-2 ที่พา รีล มาดริด คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน

หากซีดานเข้ามาคุมบังเหียนทัพสิงห์บลูส์จริงอาจจะได้เห็นเชลซีระบบ 4-3-3 ที่โดนใจเเฟนบอลมากขึ้น เเละอาจเป็นการรั้งสตาร์เลือดเบลเยี่ยมให้อยู่กับสโสมรต่อไปได้อีก ซึ่ง เอเด็น อาซาร์ เป็นเเฟนพันธุ์เเท้ตัวยงของซีดานตั้งเเต่วัยเด็ก โดยระบบ 4-3-3 ผู้เล่นตัวจริงของซีดานน่าจะประกอบด้วย

กองหน้า กอนซาโล่ อิกวาอิน, เอเด็น อาซาร์, ฮัดสัน-โอดอย
กองกลาง รอสส์ บาร์คลี่ย์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่
กองหลัง เอ็มเมอร์สัน พัลไมรี่, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, ดาวิด ลุยซ์, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า

โดยตำเเหน่งกองกลางน่าจะมีการโรเตชั่นนักมากกว่าซาร์รี่ เเละจะได้เห็นก็องเต้กลับทำรับบทบาทตัวตัดเกมเบอร์หนึ่งของยุโรปอีกครั้ง

นอกจากนี้ยังมีกระเเสข่าวว่าอาจมีการดึงตำนานอย่าง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่กำลังพาทีม ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ ทำผลงานได้ดีในลีกเเชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ กลับมารับใช้สโมสรในฐานะโค้ชอีกด้วย ซึ่งถ้าหากเเลมพาร์ดกลับมาจริง มันจะเร็วไปหรือไม่ สำหรับโค้ชมือใหม่กับประสบการณ์คุมทีมเพียงสโมสรเดียว เเละยังไม่ประสบความสำเร็จในฐานะโค้ช บอร์ดบริหารของเชลซีเเละเจ้าของสโมสรอย่าง “เสี่ยหมี” โรมัน อับราโมวิช ที่เน้นเรื่องการคว้าเเชมป์ทุกฤดูกาล คงยังไม่กล้าเร่งเรียกผู้เป็นตำนาน เเต่ยังใหม่ประสบการณ์โค้ชกลับมายังสโมสรอย่างเเน่นอน

ถึงเเม้ว่าผลการเเข่งขันนัดล่าสุด จะเปิดบ้านเอาชนะสโมสร มัลโม่ เอฟเอฟ จากลีกสวีเดน 3-0 ในศึกยูฟ่ายูโรป้าลีก จนผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ เเต่เกมนัดต่อไป เชลซี จะพบกับ เเมนฯซิตี้ ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลคาราบาว คัพ

ซึ่งอาจจะเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ของซาร์รี่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ หรือไม่ แต่หากเชลซีถอนเเค้นคืนได้สำเร็จ เเละคว้าเเชมป์เเรกมาครองได้อาจเป็นการต่อลมหายใจของซาร์รี่ออกไปได้อีกสักระยะ เเต่ก็อยากถามสาวกสิงห์บูลเหลือเกินว่า อยากเห็นตาลุงวัย 60 คนนี้ เป็นโค้ชให้กับทีมที่ตนรักต่อไปหรือไม่…

ตอนนี้เชลซีอยู่อันดับที่ 6 ของตาราง ตามหลัง เเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 4 อยู่ 1 คะเเนน ความหวังในการไปเล่นในศึกยูฟ่าเเชมป์เปี้ยนลีกของเชลซียังคงเปิดกว้างอยู่เสมอ หากโค้ชยอมลดความหัวดื้อลงไปบ้าง อาจทำให้ฟอร์มการเล่นของทีมกระเตื้อนขึ้นมาอย่างเเน่นอน

เเต่ยังหากฝืนต่อไป ก็คงกล่าวคำว่าา “บ๊ายบาย ซาร์รี่ บอล” ก่อนนะครับบ!!!

ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image