อยากเป็นผู้ตัดสินฟุตบอลต้องทำอย่างไรบ้าง..? อยากเป็นผู้ตัดสินฟุตบอลต้องเริ่มจากตรงไหน..? อยากเป็นผู้ตัดสินอาชีพ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน..?
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้การบริหารงานของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ดำเนินนโยบายพัฒนากีฬาฟุตบอลในทุกๆ ด้าน เพื่อเป้าหมายในการยกระดับมาตรฐานการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพตลอดจนทีมฟุตบอลทีมชาติไทยในระดับนานาชาติ
บุคลากรผู้ตัดสิน ถือเป็นส่วนสำคัญอันดับต้นๆ ในการช่วยยกระดับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้น ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ให้ความสำคัญกับการเดินหน้ายกระดับมาตรฐานกรรมการผู้ตัดสินทั้งระบบ ควบคู่กับการป้องกัน ปราบปราม และสกัดกั้นขบวนการล็อคผลสกอร์ที่พยายามหาผลประโยชน์จากการล้มบอล
ฝ่ายพัฒนาผู้ตัดสิน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มีการจัดการอบรมผู้ตัดสินอย่างต่อเนื่อง จากวิทยากรของเอเอฟซี และฟีฟ่า อีกทั้งยังส่งผู้ตัดสินสายเลือดใหม่ไปร่วมอบรมในต่างประเทศ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จนได้ทำหน้าที่ในทัวร์นาเมนต์สำคัญๆ ทั้งในระดับภูมิภาคอาเซียน และระดับทวีป เป็นต้น
อาชีพผู้ตัดสิน เป็นอาชีพที่มีเกียรติ และศักดิ์ศรี ต้องดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม การที่จะก้าวไปยังจุดสูงสุดของการเป็นผู้ตัดสินได้ต้องฝ่าฟัน ต่อสู้ เรียนรู้ บนเส้นทางเส้นนี้ด้วยใจรักยิ่ง โดยการก้าวไปสู่จุดสูงสุดในการเป็นผู้ตัดสินที่ดี ต้องเริ่มจากจุดไหนก่อน สิ่งที่ต้องทำระหว่างทาง ระยะเวลาในการทำหน้าที่ต่างๆ…
เส้นทางการเป็นผู้ตัดสิน เริ่มต้นจากขั้นตอนแรกสำหรับบุคคลทั่วไป ต้องยื่นใบสมัครเข้ามาที่สมาคมฯ โดยมีคุณสมบัติ อาทิ
– สัญชาติไทย
– อายุระหว่าง 18-25 ปี
– วุฒิการศึกษา ไม่ต่ำกว่า มัธยมศึกษาปีที่ 6 เทียบเท่า กศน. หรือ ป.ว.ช.
– ไม่เป็นบุคคลทุพพลภาพ และสายตาไม่บอดสี
– ไม่เคยต้องโทษคดีอาญา, ไม่เคยต้องโทษจำคุก หรือเป็นบุคคลล้มละลาย
– ส่วนสูง ผู้หญิงไม่ต่ำกว่า 160 เซนติเมตร, ผู้ชายไม่ต่ำกว่า 165 เซนติเมตร
เมื่อคุณสมบัติทั้งหมดครบ ก็สามารถส่งใบสมัคร และเมื่อถึงช่วงระยะเวลาก็จะมีการทดสอบผู้ตัดสินใหม่ทันที ตามเส้นทางดังนี้
ก้าวแรกของ “ผู้ตัดสิน”
- เข้ารับการอบรม
- เทสต์ กติกา ข้อเขียน
- ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย มีสองแบบ แบบแรกคือการวิ่งระยะสั้น (40 เมตร 6.6 วินาที), วิ่งทดสอบความทนทาน (วิ่ง 17 วินาที เดิน 24 วินาที จำนวน 10 รอบสนาม ระยะทาง 4,000 เมตร)
- ทดสอบภาคปฏิบัติ ในการแข่งขันซึ่งเป็นฟุตบอลในการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน หรือการแข่งขันฟุตบอลทั่วไป ที่มีต้องมีระยะเวลาแขงขัน 70 นาที โดยส่งผู้ประเมินผู้ตัดสินไปควบคุม กำกับ ดูการทำหน้าที่ ซึ่งผู้ที่จะทำการทดสอบจะต้องทำหน้าที่ครบทั้งสามตำแหน่ง ทั้งในส่วนของการเป็นผู้ตัดสิน, ผู้ช่วยผู้ตัดสิน และ ผู้ตัดสินที่สี่
- หลังจากเสร็จสิ้นจะทำได้เข้ารับ การอบรมรอบสุดท้าย พร้อมทดสอบข้อเขียน และทดสอบสมรรถภาพร่างกายอีกรอบ ด้วยการ วิ่งระยะสั้น (40 เมตร 6.2 วินาที), วิ่งทดสอบความทนทาน (วิ่ง 15 วินาที เดิน 22 วินาที จำนวน 10 รอบสนาม ระยะทาง 4,000 เมตร)
- เมื่อผ่านทั้งหมด จะได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ตัดสินชั้น 3
ก้าวที่สอง “ผู้ตัดสิน” ระดับชั้น 3
– ในช่วงเบื้องต้น สามารถหน้าที่ได้ในการแข่งขันฟุตบอล ไทยลีก 4, ฟุตบอลเยาวชน และการแข่งขันฟุตบอลรายการอื่นๆ ที่ได้รับการรับรองจากสมาคมฯ ซึ่งถ้าหากทำผลงานได้ดีก็จะมีโอกาสขึ้นไปทำหน้าที่ในระดับ ไทยลีก 2 และ ไทยลีก 3
– ระหว่างที่เป็นผู้ตัดสินชั้น 3 จะมีการทดสอบสมรรถภาพร่างกายดังนี้ (40 เมตร 6.2 วินาที), อึด (วิ่ง 15 วินาที เดิน 22 วินาที จำนวน 10 รอบสนาม ระยะทาง 4,000 เมตร) โดยจะมีการทดสอบ 3 ครั้งต่อปี คือช่วงก่อนเปิดฤดูกาล, ช่วงพักเลก และช่วงหลังจบฤดูกาล
– เมื่อทำหน้าที่ระดับ ผู้ตัดสินชั้น 3 ครบ 3 ปี จะได้สิทธิ์ในการสอบเลื่อนขั้นเป็น “ผู้ตัดสิน” ระดับชั้น 2 (ทั้งนี้ หากมีความสามารถ และคะแนนผ่านเกณฑ์อาจจะมีการพิจารณาเลือนขั้นก่อนระยะเวลาที่กำหนดได้)
ก้าวที่สาม “ผู้ตัดสิน” ระดับชั้น 2
– เมื่อขึ้นเป็นผู้ตัดสินชั้น 2 จะมีเส้นทางให้เลือกอย่างชัดเจนคือการเป็นผู้ตัดสิน หรือ ผู้ช่วยผู้ตัดสิน โดยเกณฑ์การทดสอบสมรรถภาพร่างกายเพื่อทำหน้าที่ในระดับ ไทยลีก 2 และ ไทยลีก 1
รวมถึงฟุตบอลระดับสูงรายการอื่นๆ มีดังนี้
ผู้ตัดสิน : วิ่งระยะสั้น (40 เมตร 6 วินาที), วิ่งทดสอบความทนทาน ( วิ่ง 15 วินาที เดิน 18 วินาที จำนวน 10 รอบสนาม ระยะทาง 4,000 เมตร )
ผู้ช่วยผู้ตัดสิน : วิ่งระยะสั้น (30 เมตร 4.7 วินาที), วิ่งทดสอบความทนทาน (วิ่ง 15 วินาที เดิน 20 วินาที จำนวน 10 รอบสนาม ระยะทาง 4,000 เมตร), วิ่งทดสอบการเป็นผู้ช่วยผู้ตัดสิน (วิ่งออกตัวพุ่งตรง 10 เมตร และ วิ่งสไตล์ด้านข้าง 8 เมตร ภายใน 10 วินาที)
สำหรับผู้ตัดสิน ระดับชั้น 2 ในช่วงเบื้องต้น จะสามารภทำหน้าที่ได้ในการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 2 รวมถึงลีกอื่นๆ ระดับรองลงไป ซึ่งถ้าหากทำผลงานได้ดี ก็จะมีโอกาสขึ้นไปทำหน้าที่ในระดับ ไทยลีก 1
จากนั้นเมื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ จากการปฏิบัติหน้าที่ครบ 2 ปี จะมีสิทธิ์สอบเลื่อนชั้นจากชั้น 2 เป็นชั้น 1 (ทั้งนี้ หากมีความสามารถ และคะแนนผ่านเกณฑ์อาจจะมีการพิจารณาเลือนขั้นก่อนระยะเวลาที่กำหนดได้) โดยหัวข้อสอบ ประกอบไปด้วย สอบทฤษฎี, สอบภาคปฏิบัติ และ ผ่านการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย
ก้าวที่สี่ “ผู้ตัดสิน” ระดับชั้น 1
– ส่วนใหญ่จะได้ทำหน้าที่ในระดับ ไทยลีก 1
– เมื่อปฏิบัติหน้าที่ครบระยะเวลาที่กำหนด (ผู้ตัดสิน 2 ปี, ผู้ช่วยผู้ตัดสิน 1 ปี) ในการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 1 จะสามารถสอบเป็นผู้ตัดสินระดับฟีฟ่า ที่ได้รับการรับรองจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ทันที
ก้าวที่ห้า “ผู้ตัดสิน” ระดับ FIFA (ไทย)
– ปัจจุบัน มีผู้ตัดสินชาวไทยระดับฟีฟ่าของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ณ ตอนนี้ ทั้งหมด 9 คน (ชาย 6 คน, หญิง 3 คน) ผู้ช่วยผู้ตัดสินชาวไทยระดับฟีฟ่าของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ณ ตอนนี้ ทั้งหมด 11 คน (ชาย 8 คน, หญิง 3 คน)
– “ผู้ตัดสิน” ระดับ FIFA สามารถทำหน้าที่การแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ (ภายในภูมิอาเซียนทั้งในระดับเยาวชน และ ทีมชุดใหญ่, ฟุตบอลอุ่นเครื่องตามปฏิทิน FIFA Days)ได้ซึ่งฝ่ายจัดการแข่งขันของรายการนั้นๆ จะเชิญผ่านสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ
– โดยการทำหน้าที่ในฟุตบอลระดับ นานาชาติ จะมีการเก็บคะแนนอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 2 ปี เพื่อส่งชื่อสอบเป็นผู้ตัดสินระดับ AFC Elite ซึ่งจะถูกคัดเลือกจากสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย อีกครั้ง โดยมีการทดสอบทั้งในส่วนของภาคทฤษฎี และ ปฏิบัติ รวมถึงการใช้ภาษาอังกฤษ
ก้าวที่หก “ผู้ตัดสิน” ระดับ AFC Elite
– ปัจจุบัน มีผู้ตัดสินชาวไทยที่ทำหน้าที่อยู่ในระดับ AFC Elite จำนวน 1 คน (ศิวกร ภูอุดม) และ ผู้ช่วยผู้ตัดสิน 2 คน (ราวุฒิ นาคฤทธิ์, ธเนศ ชูชื่น)
– สามารถทำหน้าที่การแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ ในระดับทวีป (ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย, ฟุตบอลเอเชียน คัพ, ฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นต้น)
– โดยการทำหน้าที่ในฟุตบอลระดับนานาชาติ จะมีการเก็บคะแนนจากทัวร์นาเมนต์ระดับสูง เป็นเวลา 4 ปี (ตามรอบของฟุตบอลโลก) เพื่อเลือกผู้ตัดสิน จำนวน 5 คน เป็นตัวแทนของทวีปเอเชีย ไปทำหน้าที่ในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายต่อไป
สรุปรวมแล้ว เส้นทางของการก้าวไปสู่การเป็นผู้ตัดสินระดับโลก จะใช้เวลาประมาณ 13 ปี เป็นอย่างน้อย
นี่คือ 13 ปี กับ 6 ก้าว บนเส้นทางตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการเป็น “ผู้ตัดสิน” สู่จุดสูงสุดในระดับ AFC Elite แต่เป้าหมายของความภาคภูมิใจสูงสุดของตัวผู้ตัดสินของการทำหน้าที่ คือ การได้ทำหน้าที่ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายสักครั้ง
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย