ปิดตำนานกว่า 24 ปีของสโมสร “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรศาน โดยล่าสุดนายไบรอัน แอลมาร์คา ประธานสโมสออกมายันยันว่า ได้ตอบตกลงขายทีมให้กับกลุ่มทุนรายหนึ่งเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยมูลค่าและรายละเอียด เพราะต้องการให้เจ้าของทีมรายใหม่เป็นผู้เปิดเผยด้วยตัวเอง แต่บอกได้แค่ว่าเป็นคนไทย
ก่อนหน้านี้ทีมบีอีซีฯไม่พอใจผลตัดสินของคณะกรรมการกลั่นกรองอุทธรณ์โทษ บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด (ทีพีแอล) ซึ่งตัดสินให้แพ้ แบงค็อก ยูไนเต็ด 0-1 ทั้งที่แบงค็อกทำผิดข้อบังคับเรื่องการเปลี่ยนตัวนักเตะต่างชาติ และมีส่วนทำให้เวลานี้ศึกโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่าบีอีซีจะตกชั้นหรือไม่ จนทำให้นายไบรอัน มาร์คาร์ ประกาศขายทีมในมูลค่า 500 ล้านบาท ก่อนที่ต่อมาได้ลดเหลือ 300 ล้านบาท
“ผมยืนยันว่า บ.บีอีซี เทโรฯ ไม่ได้บริหารทีมบีอีซีฯ แล้ว ไม่ว่าสุดท้ายจะได้เล่นในไทยพรีเมียร์ลีกหรือลีกวันก็ตาม โดยได้ขายให้กับกลุ่มทุนรายหนึ่ง ส่วนตัวนักเตะที่มีสัญญาอยู่กับทีมก็ถือเป็นส่วนหนึ่งในการขายทีมด้วย ดังนั้นหากทีมใดต้องการนักเตะก็ต้องติดต่อกับเจ้าของทีมใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้” นายไบรอันกล่าว
อดีตประธานสโมสรมังกรไฟกล่าวว่า สาเหตุที่ตัดสินใจขายทีมและไม่ทำทีมต่อ เพราะไม่พอใจการทำงานของทีพีแอลที่ตัดสินไม่ยุติธรรม และเปลี่ยนจากผิดให้เป็นถูก ซึ่งตนอยู่ในวงการฟุตบอลไทยมานานนับ 20 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์ไหนย่ำแย่เท่านี้มาก่อน และหากการบริหารงานขององค์กรในสมาคมฟุตบอลฯ ยังเป็นเช่นนี้ก็ไม่คิดที่จะกลับมาทำทีมฟุตบอลอีกแน่นอน
นอกจากนี้มีรายงานจากแหล่งวงในว่า กลุ่มทุนที่ซื้อทีมบีอีซีฯ เป็นหนึ่งในผู้บริหารทีม “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียดขั้นตอนสุดท้าย โดยเฉพาะเรื่องตัวนักเตะ โดยมีรายงานว่า เมืองทองได้บรรลุข้อตกลงคว้าตัว “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, “ตั้ม” ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ “บาส” พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา 3 นักเตะทีมชาติไทยจากทีมบีอีซีฯ มาร่วมทัพเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี พร้อมส่งชื่อขึ้นทะเบียนกับสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) เพื่อเตรียมลงเตะศึกเอเอฟซี แชมป์เปียนลีก 2016 รอบเพลย์ออฟ รอบสอง พบ ยะโฮร์ ดารูล ต๊ะซิม จากมาเลเซีย ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์