“โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน หัวหน้าผู้ฝึกสอน “ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย เข้าพบ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพื่อรายงานผลการแข่งขันการแข่งขันของทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ชุดเข้าร่วมการแข่งศึกฟุตบอลสี่เส้า รายการ “ไซปรัส คัพ” ที่ประเทศไซปรัส เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมชั้น 2 สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก เมื่อวันที่ 20 มีนาคม
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ส่งทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย เดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลสี่เส้า รายการ “ไซปรัส คัพ” ที่ประเทศไซปรัส โดยทำผลงานลงสนามแข่งขันรอบแรก 3 นัด ชนะ 1 นัด แพ้ 2 นัด ประกอบด้วย ชนะ ฮังการี 4-0, แพ้ เม็กซิโก 1-2 และแพ้ อิตาลี 1-4 ก่อนผ่านเข้าไปแข่งขันรอบชิงอันดับ 7 แพ้ ไนจีเรีย 0-3 ทำให้จบอันดับ 7 จากทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 12 ทีม
โค้ชหนึ่ง เปิดเผยว่า การที่ทีมแข้งสาวไทยได้เดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันศึกไซปรัส คัพ ที่ผ่านมานั้น ทำให้นักเตะมีความมั่นใจมากขึ้น เพราะว่าเราได้เล่นกับทีมระดับชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น ฮังการี, เม็กซิโก, อิตาลี ทำให้เราได้เห็นข้อผิดพลาด จากเกมพบเม็กซิโกเรามีโอกาสจบสกอร์มากกว่า แต่เราไม่แม่นเอง จนพลาดเสียประตูจากการที่เม็กซิโกโต้กลับ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้ว่าเราก็ไม่ใช่จะเป็นทีมที่โต้กลับคู่แข่งเพียงอย่างเดียว ส่วนเกมอิตาลีเราเหลือ 10 คนตั้งแต่ครึ่งแรก และทุกคนก็พยายามสู้อย่างเต็มที่ในครึ่งหลังได้
“สื่งที่ได้อย่างแรกเลยคือน้องๆ มีความมั่นใจที่จะเล่นกับทีมระดับสูงมากขึ้น และมีความต้องการที่จะเรียนรู้แทกติคในการเล่นกับทีมระดับสูงมากขึ้น เมื่อก่อนอาจจะคิดว่าต้องเล่นอีกแบบ แต่ตอนนี้เราคิดว่า เรามีจุดโฟกัสตรงจุดเดียวกันที่เราจะทำให้ทีมเราขยับก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กันให้ได้ ซึ่งวันนี้เราก็ได้มารายงานความคืบหน้ากับท่านนายกสมาคมฯ ว่า สภาพของทีมเราเป็นอย่างไรบ้าง และเราจะวางแผนการเตรียมทีมอย่างไรต่อไปให้ท่านได้ทราบ” โค้ชหนึ่ง กล่าว
แม่ทัพชบาแก้ว กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ก็จะฝึกซ้อมไปต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้ทีมสามารถซ้อมได้เต็มรูปแบบ ส่วนอาการบาดเจ็บของ “ทราย” วราภรณ์ บุญสิงห์ ผู้รักษาประตูตัวหลักก็หายเจ็บแล้ว แต่ก็จะต้องระมัดระวัง เพราะน้องเพิ่งผ่านอาการบาดเจ็บหนักมา และน่าจะฟิตทันลุยศึกฟุตบอลโลก 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ ถ้าไม่บาดเจ็บเพิ่มอีก ส่วน 2 แข้งสาวลูกครึ่ง ทั้ง “มิรันด้า” สุขาวดี นิลธำรงค์ กองหน้าลูกครึ่งไทย-อเมริกัน และ “ทิฟฟิานี่” ดารุณี สอนเผ่า ผู้รักษาประตูลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ทั้งคู่มีทั้งจุดดี และจุดเด่นช่วยทีมได้ เพียงแต่ตอนนี้เรากังวลในเรื่องระยะเวลาที่ทั้งคู่จะมาฝึกซ้อมร่วมกับทีม เพราะความสัมพันธ์ภายในทีมถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ
“ตอนนึ้เราก็ได้คุยกับมิรันด้า และทิฟฟานี่ว่า ทั้งสองคนมีประโยชน์ต่อทีมแน่นอน แต่เราอยากให้เขามีเวลามากกว่าทีมให้มากกว่าเดิมในการฝึกซ้อม และคงเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งคู่จะไปสมทบร่วมกับทีมเลยที่ฝรั่งเศส แต่เราอยากให้น้องมาซ้อมกับทีมก่อนเดินทางไปแข่งขัน เพราะก็ถือเป็นการให้ความยุติธรรมกับน้องๆ ที่ซ้อมอยู่ที่เมืองไทยด้วย” หนึ่งฤทัย กล่าว
โค้ชหนึ่งกล่าวถึงทีมคู่แข่งร่วมกลุ่มเอฟในศึกฟุตบอลโลก 2019 ว่า เราจะต้องเจอกับทีมอันดับ 1 ของโลกอย่าง สหรัฐอเมริกา รวมทั้ง สวีเดน ทีมอันดับ 9 ของโลก และชิลี ทีมน้องใหม่อันดับที่ 36 ของโลก ซึ่งสายนี้แข็งแกร่งกว่าฟุตบอลโลกครั้งก่อน แต่ทีมไทยก็ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 แล้ว ทุกทีมที่จะเล่นกับทีมไทยก็มีข้อมูลทีมเราพอสมควร ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรากำลังจะก้าวข้ามว่าจะทำได้ดีขนาดไหน เพราะแน่นอนว่าการเล่นกับทีมที่เหนือกว่าเราเป็นรองมากในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แต่เราก็จะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด และเป้าหมายก็จะทำอันดับให้ดีกว่าฟุตบอลโลก เมื่อปี 2015 ที่ประเทศแคนาดา ซึ่งเราจบอันดับที่ 17
“อเมริกาเป็นทีมที่เข้าร่วมฟุตบอลโลกอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งเป็นทีมที่แข็งแกร่ง ทั้งร่างกาย และแทกติคการโจมตี เขาเป็นทีมอันดับ 1 ที่ทีมฟุตบอลหญิงทั่วโลกยึดเป็นต้นแบบในการศึกษา ขณะที่ชิลีเป็นทีมน้องใหม่จากอเมริกาใต้ ก็เป็นทีมที่มีเทคนิคส่วนตัวดี และมีความเร็วในการเล่น รวมทั้งนักเตะเขาค้าแข้งอยู่ในลีกยุโรป จึงมีประสบการณ์มากกว่าเราในการเล่นแน่นอน และอันดับโลกชิลีที่ต่ำกว่าทีมไทยก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเขาจะด้อยกว่าเรา แต่เราก็คิดว่าเราจะพยายามเก็บชัยชนะจากเกมกับชิลีให้ได้ เพราะคิดว่ามีโอกาสที่จะทำได้จากเกมนี้” โค้ชหนึ่ง กล่าวปิดท้าย
