ทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศศึก “ลีกคัพ อังกฤษ” ฤดูกาล 2015-16 หลังเปิดแอนฟิลด์เฉือนชนะการดวลจุดโทษเหนือ “ช่างปั้นหม้อ” สโต๊ก ซิตี้ 6-5 ในเกมรอบรองชนะเลิศ นัด 2 เมื่อวันที่ 26 มกราคม
โบยาน เกร์กิช (ขวา) อดีตเด็กเก่าบาร์เซโลน่า พาบอลหนีโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (ภาพเอเอฟพี)
โดยลิเวอร์พูลที่บุกไปคว้าชัยมาก่อน 1-0 ในเกมแรก และไม่เคยแพ้สโต๊ก ซิตี้ คาบ้านจากทุกรายการมาตั้งแต่ปี 1959 โดนมาร์โค อาร์เนาโตวิช ยิงประตูให้ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก แม้จะเป็นจังหวะล้ำหน้าอย่างชัดเจนก็ตาม
มาร์โค อาร์เนาโตวิช ยิงประตูชัยให้สโต๊ก แต่สุดท้ายพ่ายดวลจุดโทษ (ภาพเอเอฟพี)
จบ 90 นาที หงส์แดงแพ้ 0-1 สกอร์รวม 2 นัด เสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที ก็ยังไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้ จบ 120 นาที ลิเวอร์พูลแพ้สโต๊ก 0-1 แต่สกอร์รวม 2 นัดยังเสมอกัน 1-1 ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ
คริสติย็อง เบนเตเก้ ศูนย์หน้าตัวสำรอง (ภาพเอเอฟพี)
ปรากฏว่าทีมช่างปั้นหม้อที่เคยได้แชมป์รายการสำคัญแค่ครั้งเดียวตลอดประวัติศาสตร์ 153 ปีของสโมสร ซึ่งก็คือแชมป์ลีกคัพรายการนี้ในฤดูกาล 1971-72 เป็นฝ่ายยิงจุดโทษก่อน และยิงเข้า 4 จาก 5 คนแรก เช่นเดียวกับแชมป์สูงสุด 8 สมัยอย่างทีมหงส์แดงก็ยิงเข้า 4 จาก 5 คนแรกเช่นกัน โดยคนที่ยิงพลาดได้แก่ปีเตอร์ เคร้าช์ อดีตกองหน้าลิเวอร์พูลของทีมเยือน และเอ็มเร่ ชาน ของเจ้าถิ่น
โจ อัลเลน อีกหนึ่งตัวสำรองหงส์แดง ซัดจุดโทษในการดวลเป้านำชัย (ภาพเอเอฟพี)
ต้องดวลจุดโทษกันแบบ “ซัดเดนเดธ” พลาดไม่ได้ ซึ่งคนที่ 6 ของทั้ง 2 ทีมยิงเข้า แต่คนที่ 7 ฝั่งสโต๊กก็คือมาร์ก มูนีซ่า ยิงไปติดเซฟซิมง มิโญเล่ต์ ส่วนโจ อัลเลน ตัวสำรองของลิเวอร์พูลยิงเข้า
เยอร์เก้น คล็อปป์ สุดโล่ง (ภาพเอเอฟพี)
ทำให้ทีมหงส์แดงภายใต้การคุมทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือคนใหม่ที่เข้ามาทำหน้าที่แทนเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ได้ไม่ถึง 4 เดือน เฉือนชนะการดวลจุดโทษในรอบตัดเชือกลีกคัพไปอย่างหวุดหวิด 6-5 ผ่านเข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เอฟเวอร์ตัน ในรอบชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์
