ราชันดวลโทษดับตราหมี 5-3 หลังเสมอ 1-1 ครองเจ้ายุโรปสมัย 11

“ราชันชุดขาว” รีล มาดริด ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 11 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาล หลังจากเฉือนชนะคู่ปรับร่วมลีกลาลีก้า สเปน แอตเลติโก้ มาดริด ในการดวลจุดโทษ 5-3 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ที่ซานซิโร่ สเตเดียม เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เป็นการย้ำแค้นจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วซึ่งมาดริดเอาชนะแอตเลติโก้ 4-1 ในการเล่นต่อเวลาพิเศษ

มาดริดได้ประตูนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 15 เมื่อโทนี่ โครส กองกลางชาวเยอรมัน เปิดบอลไปหน้าประตู แกเร็ธ เบล ปีกชาวเวลส์ ขึ้นโขก ก่อนกัปตันทีม เซร์คิโอ้ รามอส เข้าชาร์จระยะเผาขนเป็นประตูให้อดีตแชมป์ 10 สมัยขึ้นนำ 1-0

รามอสทำประตูให้มาดริดขึ้นนำ
รามอสทำประตูให้มาดริดขึ้นนำ

เข้าครึ่งหลัง แอตเลติโก้มีโอกาสดีที่จะตีเสมอ เมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าชาวสเปนโดนเปเป้ กองหลังราชันชุดขาวหวดจากด้านหลังในกรอบเขตโทษ แต่อ็องตวน กรีซมันน์ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส กลับซัดบอลไปชนคานอย่างน่าเสียดาย

แต่สุดท้าย ทีมตราหมีก็ได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 79 จากจังหวะที่ยานนิค การ์ราสโก้ ตัวสำรองของแอตเลติโก้ เข้าชาร์จลูกเปิดของฆวนฟานในระยะเผาขนเข้าไป

Advertisement
การ์ราสโก้เฮสนั่นหลังตีเสมอให้แอตเลติโก้
การ์ราสโก้เฮสนั่นหลังตีเสมอให้แอตเลติโก้

หลังจากนั้นต่างฝ่ายทำอะไรกันไม่ได้ หมดเวลา 90 นาที เสมอกันไป 1-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ แอตเลติโก้ทำเกมบุกได้ดีกว่า แต่ไม่มีจังหวะสังหารประตู เมื่อครบ 120 นาที จึงต้องตัดสินด้วยการดวลลูกโทษที่จุดโทษ

ปรากฏว่า ฆวนฟรานซึ่งออกมายิงเป็นคนที่ 4 ของแอตเลติโก้ แปบอลไปชนเสา ขณะที่ผู้เล่นมาดริดทั้ง 5 คนไม่มีใครยิงพลาด โดยคริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์ดังของราชันออกมายิงปิดท้ายให้มาดริดชนะดวลจุดโทษไป 5-3 คว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 11 ขณะที่แอตเลติโก้ต้องพอใจแค่ตำแหน่งรองแชมป์เป็นหนที่ 3 ต่อจากฤดูกาล 1973-74 และ 2013-14

โรนัลโด้ถอดเสื้อฉลองแชมป์
โรนัลโด้ถอดเสื้อฉลองแชมป์
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image