‘พิสมัย’ ฝันขึ้นแท่นนั่งกุนซือ ‘ชบาแก้ว’ ลุยอบรมโค้ช ‘เอ-โปรไลเซนส์’ หลังแขวนสตั๊ด

ความเคลื่อนไหวทัพนักเตะ “ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย หลังจากประเดิมศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 กลุ่มเอฟ นัดแรก พ่ายแชมป์โลก 3 สมัย สหรัฐอเมริกา 0-13 ที่สนามสต๊าด ออกุ๊ส เดอโลน เมืองแรงส์​ประเทศฝรั่งเศส และมีโปรแกรมลงเตะนัดสองลงสนามดวลแข้งกับ สวีเดน อันดับ 9 ของโลก ดีกรีรองแชมป์โลกปี 2003 ที่สนามอัลลิอันซ์ ริเวียร่า เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส วันที่ 16 มิถุนายนนั้น

“ปุ๋ย” พิสมัย สอนไสย์ นักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยที่เล่นได้สารพัดตำแหน่งทั้งกองหน้า, กองกลาง และกองหลัง วัย 30 ปี เปิดเผยว่า ถึงตอนนี้ได้ผ่านการอบรมโค้ชระดับบีไลเซนส์มาแล้ว ซึ่งสาเหตุที่เลือกอบรมโค้ชเนื่องจากเรามีประสบการณ์เกี่ยวกับการเล่นฟุตบอล และอยากนำประสบการณ์โดยตรงมาถ่ายทอด รวมทั้งมองถึงอนาคตไว้ว่า ถ้าอีก 2-3 ปีข้างหน้า หรือต้องเลิกเล่นฟุตบอลเราก็จะผันตัวเองไปเป็นโค้ชต่อไป

“ปุ๋ยผ่านเส้นทางการเล่นฟุตบอลมาครึ่งชีวิตแล้วก็ได้วางแผนชีวิตของตัวเองเอาไว้ว่า ถ้าเลิกเล่นจะทำอะไร และประสบการณ์ที่เรามีจะถ่ายทอดให้กับเด็กรุ่นหลังอย่างไร ถ้าถามว่า ชอบเป็นโค้ชไหม ตอนนี้เรายังชอบเป็นผู้เล่นมากกว่า เพราะยังเล่นไหว แต่อนาคตก็มีโอกาสที่จะผันตัวไปเป็นโค้ช ตอนนี้ก็พยายามเรียนรู้จากโค้ชต่างๆ ว่าโค้ชแต่ละคนเขาสอนอะไร เพราะสไตล์แต่ละคนไม่เหมือนกัน และก็พยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์”

พิสมัย กล่าวอีกว่า หลังจากนี้คิดว่าจะเข้าอบรมโค้ชในระดับเอ และโปรไลเซนส์ต่อไป แต่ตอนนี้ยังเป็นนักเตะอยู่ถ้าจะอบรมก็คงจะต้องก็จะต้องแบ่งเวลาจากการฝึกซ้อมไปอบรมโค้ช และก็คงจะอบรมอย่างจริงจังหลังจากเลิกเล่นฟุตบอลแล้ว ซึ่งอายุ 30 ปีก็ได้วางแผนที่จะเล่นฟุตบอลต่อไปอีก 2-3 ปีถ้าไม่เกิดอาการบาดเจ็บหนักจนเล่นต่อไม่ไหว จากนั้นคงมองกาเส้นทางต่อไป

Advertisement

“ตอนนี้ปุ๋ยเล่นลีกหญิงอาชีพกับสโมสรชลบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยไปเป็นโค้ชสอนให้กับนักเตะเยาวชนหญิงชลบุรีด้วย สำหรับในอนาคตหลังจากเลิกเล่นแล้ว ถ้าได้ทำหน้าที่โค้ชก็อยากที่จะเร่ิมต้นด้วยการผู้ช่วยโค้ชก่อน เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้หลากหลายไปก่อน พอไปสอนน้องๆ เราจะได้รู้สึกมั่นใจ และสอนให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้องได้”

ดาวเตะชบาแก้วกล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนแรกอยากที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยการเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชาติ หรือสโมสรไปก่อน ส่วนในอนาคตก็ตั้งความฝันว่า อยากที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะมีโอกาสได้ทำหรือเปล่า เพราะเราจะต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ความรู้ และความมั่นใจก่อน ซึ่งส่วนตัวยังไม่กล้าที่จะสอนเด็กๆ ถ้าเรายังไม่เก่งพอ เพราะกลัวสอนเด็กไปแบบผิดวิธี

พิสมัยกล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับปัญหาสำคัญในการพัฒนานักฟุตบอลหญิงไทยส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องในสนาม รวมทั้งเทคนิคส่วนตัวของผู้เล่น เพราะนักฟุตบอลหญิงไทยไม่ได้รับการปลูกฝังวิธีการเล่นที่ถูกต้องมาตั้งแต่เด็กๆ พอมาทำตอนโตก็เลยดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าหากได้รับปลูกฝังตั้งแต่เด็กก็น่าจะพัฒนาฝีเท้าต่อไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image