หลังจากที่ทัพ “ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจากที่ “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประกาศยุติบทบาทการทำหน้าที่ผู้จัดการทีมที่ทำมายาวนานกว่า 12 ปี รวมทั้ง “โค้ชหนึ่ง” ดร.หนึ่งฤทัย สระทองเวียน ก็ได้ประกาศยุติบทบาทหัวหน้าผู้ฝึกสอนเช่นกัน โดยทั้งคู่ได้ประกาศการตัดสินใจทันทีหลังจบสิ้นภารกิจการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งแพ้ 3 นัดรวด พร้อมกับตกรอบแรกนั้น
“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เป็นที่น่าเสียดายบุคลากรทั้ง 2 คน ซึ่ง สมาคมฯ ต้องหาผู้มาทำหน้าที่แทน สำหรับตำแหน่ง “ผู้จัดการทีม” นั้น ในชุดอื่นๆ สมาคมฯ ได้เปลี่ยนมาเป็น “ผู้อำนวยการทีม” แล้ว ดังนั้น ผู้ที่จะมารับตำแหน่งก็จะเข้ามาเป็นผู้อำนวยการทีม จริงๆ แล้ว แม้ว่าแต่ละรายการสมาคมฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ และมีความสามารถด้านภาษาไปกำกับดูแล
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของสมาคมฯ มีอายุน้อย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมี “ผู้อำนวยการ” ที่มีวัยวุฒิ และคุณวุฒิ ไปกำกับ หากมีการประชุมที จะได้มีชั้นเชิงในการโต้แย้ง หากดูว่าทีมไทยจะเสียประโยชน์ ทั้งนี้เมื่อถึงเวลาเหมาะสม สมาคมฯ ก็จะหาผู้มารับหน้าที่ดังกล่าว
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องที่ถือว่าเร่งด่วนกว่าการตั้งผู้อำนวยการทีมคือ “ผู้ฝึกสอนคนใหม่” เพราะมีรายการสำคัญรออยู่คือ ศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์อาเซียน ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในเดือนสิงหาคม และกีฬาซีเกมส์ 2019 ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปินส์ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งการหาโค้ชทีมหญิงนั้นต้องพิจารณาหลายด้าน
“โค้ชทีมฟุตบอลหญิงต้องเข้าใจนักเตะเพศหญิง รวมถึงรู้ฟอร์มการเล่นอย่างดี เพราะบอลหญิงระดับสโมสรไทยมีเตะไม่มากเหมือนบอลชาย และโค้ชผู้หญิงไทย ที่จบโปรไลเซนส์ ก็มีแค่ โค้ชหนึ่งฤทัย คนเดียว ทั้งนี้ในระยะสั้น อาจตั้งโค้ชผู้ชายคนไทยรับหน้าที่คุมทีมชิงแชมป์อาเซียน และซีเกมส์ ไปก่อน ส่วนระยะยาวคงต้องว่าจ้างโค้ชหญิงจากต่างประเทศ ที่เชี่ยวชาญด้านบอลหญิง” บิ๊กอ๊อดกล่าวปิดท้าย
